อาจารย์หมอแย้งสาธารณสุข! ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับไข้เลือดออก

อาจารย์หมอแย้งสาธารณสุข! ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับไข้เลือดออก

อาจารย์หมอแย้งสาธารณสุข! ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับไข้เลือดออก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (1 มี.ค. 63) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ไข้เลือดออก ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 โดยมีเนื้อหาดังนี้

"ไข้เลือดออก ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายนี้

ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าข้อมูลของกระทรวงกับข้อมูลของเราไม่ตรงกันดังด้านล่าง

“แถลงกระทรวง กับ โพสต์อาจารย์หมอธีรวัฒน์ มีข้อต่างกันเล็กน้อยกรณีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ชาวไทยเสียชีวิตรายแรก / ข้อมูลที่ตรงกัน คือชายไทยวัย 35 เสียชีวิตจริง / ข้อต่าง!!! ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬา ระบุผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัวใดๆ / ส่วน สธ. ระบุ ผู้เสียชีวิตมีอาการป่วยไข้เลือดออกมาก่อน”

เข้าใจว่ากระทรวงสาธารณสุขอาจจะประเมินสภาวะของผู้ป่วยและตัวโรคคลาดเคลื่อนไปบ้าง การวินิจฉัยผู้ป่วยรายนี้ในครั้งแรกสุด ผลจากห้องปฏิบัติการออกมาเป็นไข้เลือดออกโดยไม่พบตัวไข้เลือดออก ทำให้พยาบาลที่เข้าไปดูแลในวันแรกไม่ได้เตรียมตัวป้องกันและติดเชื้อไวรัสนี้ไปด้วยเกิดปอดบวมรุนแรง แต่ได้รับยาทันและกลับบ้านไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมีเนื้อปอดที่เสียหายอยู่ระดับหนึ่ง

ในผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายนี้ ลักษณะของโรคและการดำเนินโรคมีปอดบวมรุนแรงทั้งสองข้าง เป็นลักษณะของโควิด 19 ทั้งสิ้นตั้งแต่แรก ไม่ใช่เกิดจากไข้เลือดออก แต่เนื่องจากประเทศไทยได้รับยา favipiravir ในระยะหลัง โดยผู้ป่วยมีอาการรุนแรงใส่เครื่องช่วยหายใจ และถึงแม้ว่าจะทำให้เชื้อไวรัสหายไปหมดก็ตาม แต่มีเนื้อปอดเสียหายมาก และในที่สุดผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างสงบ"

โพสต์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงสายๆ ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันว่าไทยมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรก โดยระบุว่าผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกมาก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโควิด-19 และมีการย้ายไปรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำของเมื่อวานนี้

ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อาจารย์หมอธีระวัฒน์มีการโพสต์เฟซบุ๊กอัปเดตถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทย แนะควรกักกันบุคคลทุกคนที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ ลั่นความจริงไทยระบาดเข้าระยะ 3 แล้ว โดยมีรายละเอียดของเนื้อหาดังนี้

"ประเทศไทยทำอะไรอยู่?

ต้อง quarantine ทั้งหมดที่เข้ามา โดยตรวจากพื้นที่เสี่ยงและคนไทยที่ออกไปและกลับมา

คนขับรถแท็กซี่ รถทัวร์ รถตู้ ติดได้ และชาวต่างประเทศที่เข้ามาและคนไทยที่ติด 80% จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมากจนกระทั่งตรวจพบยากแต่แพร่เชื้อได้ โดยเฉพาะหลักฐานชัดเจนคือเชื้อนี้ลงไปที่ปอดและหลอดลมส่วนล่าง ในระยะต้นจึงไม่มีอาการไอ เจ็บคอใดๆ และเป็นข้ออธิบายว่าทำไมการตรวจน้ำโพรงจมูกและคอจึงให้ผลลบ คนไข้ที่โรงพยาบาลสวนดอกเชียงใหม่ ตรวจสองครั้งได้ผลลบ แต่หมอเราเองเก่ง คิดว่าเป็น จึงทำ BAL สอดท่อเอาน้ำล้างปอดมาตรวจครั้งที่สามถึงเจอ

อีก 20% ที่เหลือถึงจะเป็นอาการหนักและวิกฤติ ความจริงเข้าไทย ระยะที่สามไปแล้ว ถ้าดูอย่างที่ว่า และประเทศสิงคโปร์ขณะนี้เข้มงวดจับเข้าคุกถ้าไม่ยอมกักกันตัวอยู่บ้าน 14 วัน และใช้ตรวจ แอนติบอดีแทน ซึ่งถึงแม้จะเป็น IgG แต่เป็นการพิสูจน์ว่าการตรวจหลุด และในอนาคอันใกล้จะใช้ IgM ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะช้าไปสี่ถึงห้าวันหลังจากที่มีการติดเชื้อก็ยังดี นอกจากนั้นการใช้คอมพิวเตอร์ CT ที่ปอด ให้การวินิจฉัยที่แม่นยำกว่า PCR

Sero อยู่ใน Science. CT ที่ดีกว่า ใน Radiology ข้อยืนยันว่าไปปอดส่วนล่างมาจากรายงานทั้งทางคลินิกและตรวจศพ Stage ของ CT ultraearly early progressive Consolidation dissipation ใน mil med res

รายงานข้อปฏิบัติจากจีน เสนอประเทศไทยให้ใช้ favipiravir ตั้งแต่ 24/1/20 เพราะมีการทดลองว่ายานี้รักษาหนูที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ 10% และยานี้ใช้ในคนที่เป็นโรคต่างๆ หลายชนิดที่เกิดจากไวรัสในตระกูลนี้และตระกูลใกล้กัน ทั้งรู้ขนาดระยะเวลาในการใช้มันเนิ่นนานพอสมควร และได้ผลในผู้ป่วยคนไทย"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook