อนุทิน ตอบปม "หน้ากากอนามัยขาดแคลน" ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบ โยนให้กรมการค้าภายใน
วันนี้ (1 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเพจ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนร้องเรียน ถึงการหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ โดยแนะนำให้ไปติดต่อกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพราะในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้น มีภารกิจจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาล และสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
"ว่าด้วยหน้ากากอนามัย
ท่านที่หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ทั้งพี่น้องประชาชน และสถานพยาบาลเอกชน ขอความกรุณาติดต่อกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
ขอเรียนว่ากระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้น
กระทรวงสาธารณสุข ไม่มีภารกิจจัดหาหน้ากากอนามัย มาจำหน่าย จ่าย แจก ให้กับประชาชน เว้นแต่ มีจำนวนที่เกินกว่าความต้องการใช้ของโรงพยาบาลในสังกัด
สัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุข จะจัดส่งให้โรงพยาบาลในสังกัด จำนวน 500,000 ชิ้น
ปัจจุบัน องค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข จำหน่ายให้แก่ประชาชนวันละ 10,000 ชิ้น ซึ่งเป็นจำนวน ที่เกินจากโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ต้องการใช้
สำหรับการแจกให้ ประชาชน วันละ 100,000 ชิ้น ที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน้ากากอนามัย ที่มีผู้บริจาค และองค์การเภสัชกรรม บริหารสต็อก แล้ว มีสินค้าคงเหลือ รวมแล้ว 1,400,000 ชิ้น จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุข นำไปแจกให้ประชาชน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ทำหนังสือลงวันที่ 27 ก.พ. 2563 ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องโรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ในขั้นวิกฤติ โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากการระบาดของโรคอุบัติใหม่ โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งเตรียมการรับสถานการณ์ที่อาจจะมีการระบาดในวงกว้างขึ้น โรงพยาบาลเอกชนมีการรับคนไข้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าร้อยละ 70 ในโรงพยาบาล
แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤติ และโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว บุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้หน้ากากผ้าซึ่งมีความเสี่ยงมาก ทางโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งไม่สามารถจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยได้เพราะกรมการค้าภายในได้ประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมและโรงงานผู้ผลิตต้องจัดส่งให้กับกรมการค้าภายในเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายให้โรงพยาบาลเอกชนได้ โรงพยาบาลเอกชนได้ติดต่อขอซื้อหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในแต่ได้รับคำตอบว่า ให้แจ้งเข้าไปเพื่อเข้าระบบการรอคิว
หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า หากไม่มีหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ที่มีความเสี่ยงในการติดโรคในโรงพยาบาลเอกชน อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างและร้ายแรงมากขึ้น และจะไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้
สมาคมโรงพยาบาลเอกชนในฐานะผู้แทนของโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 250 แห่งทั่วประเทศจึงได้ทำการสำรวจจำนวนหน้ากากอนามัยขั้นต่ำที่ต้องการใช้ในแต่ละวัน และขอความอนุเคราะห์ได้โปรดจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อที่โรงพยาบาลเอกชนจะสามารถควบคุมป้องกันไม่ให้มีการระบาดมากกว่านี้ หรือให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถจัดซื้อจัดหาจากที่ใดเพื่อให้มีใช้ได้โดยประสานงานกับทางสมาคมฯ เพื่อให้ปันส่วนให้โรงพยาบาลเอกชนได้เท่ากันอย่างเพียงพอ