โรงพยาบาลเอกชน 250 แห่ง ขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤติ
![โรงพยาบาลเอกชน 250 แห่ง ขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤติ](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1608/8044558/scarce-masks.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า โรงพยาบาล 250 แห่ง ประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤติ และไม่สามารถจัดซื้อจัดหาได้ หลังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประกาศเป็นสินค้าควบคุม
ทั้งนี้ ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ลงนามในหนังสือเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2563 ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง โรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย สำหรับใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ในขั้นวิกฤติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
เนื่องจากการระบาดของโรคอุบัติใหม่ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจระบาดในวงกว้างขึ้น ซึ่งเป็นผลให้โรงพยาบาลเอกชนมีการรับคนไข้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าร้อยละ 70 ในโรงพยาบาล
แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤติ และโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้หน้ากากผ้า ซึ่งมีความเสี่ยงมาก
ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่สามารถจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยได้ เพราะกรมการค้าภายในได้ประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม และโรงงานผู้ผลิตต้องจัดส่งให้กับกรมการค้าภายในเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายให้โรงพยาบาลเอกชนได้ ทั้งนี้ ได้ติดต่อขอซื้อจากกรมการค้าภายใน แต่ได้รับคำตอบว่าให้แจ้งเข้าไปเพื่อเข้าระบบการรอคิว
ในหนังสือยังระบุด้วยว่า หากไม่มีหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และคนไข้ที่มีความเสี่ยงในการติดโรคที่รับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และส่งผลร้ายแรงมากยิ่งขึ้น จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้
สมาคมโรงพยาบาลเอกชนในฐานะผู้แทนของโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 250 แห่งทั่วประเทศ จึงได้ทำการสำรวจจำนวนหน้ากากอนามัยขั้นต่ำที่ต้องการใช้ในแต่ละวัน และขอความอนุเคราะห์ได้โปรดจัดสรรหาหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อจะได้สามารถควบคุมและป้องกันไม่ให้มีการระบาดมากไปกว่านี้ หรือให้โรงพยาบาลสามารถจัดซื้อจัดหาจากที่ใด เพื่อให้มีใช้โดยประสานงานกับทางสมาคมฯ เพื่อให้ปันส่วนให้โรงพยาบาลเอกชนได้เท่ากันอย่างเพียงพอ