เผยชีวิตทุกมุม "คลาวเดีย จักรพันธุ์" หวนรับงานอีกครั้ง บทเรียนรักแท้ที่มาหลังความล้มเหลว

เผยชีวิตทุกมุม "คลาวเดีย จักรพันธุ์" หวนรับงานอีกครั้ง บทเรียนรักแท้ที่มาหลังความล้มเหลว

เผยชีวิตทุกมุม "คลาวเดีย จักรพันธุ์" หวนรับงานอีกครั้ง บทเรียนรักแท้ที่มาหลังความล้มเหลว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 หากพูดถึงนักแสดงนางแบบวัยรุ่นหน้าเก๋ ที่มาพร้อมทรงผมหยิกนำสมัยในยุค 90' เชื่อว่าทุกคนต้องคิดถึงชื่อ คลาวเดีย จักรพันธุ์ ที่ยุคนั้นเธอโดดเด่นและโด่งดังในหลากหลายด้านทั้งการแสดงและเดินแบบ หลากหลายจนได้ฉายา "จิ้งจอกพันหน้า" ก่อนที่เธอจะเติบโตและค่อยๆ ห่างหายจากวงการหลังตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวในอายุ 25 ปี แต่เหมือนชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะหลังจากแต่งงานเพียงแค่ 3 ปี ชีวิตรักและครอบครัวของเธอก็ต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง พร้อมกับข่าวลือที่ตามมามากมาย พร้อมกับแฟนๆ ที่ยังรอคอยการกลับมาของเธออยู่เสมอ

และหลังจากห่างหายจากวงการไปกว่า 8 ปี ล่าสุดสาวคลาวเดียได้กลับมาโชว์ฝีมืออีกครั้งในละคร "ทะเลแปร" ทางช่อง อัมรินทร์ทีวี ในบทที่แฟนละครเรียกติดปากว่า "คุณภา" ด้วยการแสดงที่เหนือชั้น สายตาอันแพรวพราวและล้ำลึก ทำให้เธอกลายเป็นที่พูดถึงของแฟนละครยุคใหม่ที่พร้อมจะเปิดพื้นที่ให้เธอมาโชว์ฝีมืออย่างเต็มที่

นอกจากนี้เธอยังปลูกต้นรักต้นใหม่หลังมรสุมกับนักธุรกิจที่ทำบริษัทพลังงานไฟฟ้า ที่ พม่า ชื่อว่า "ออง ทีฮา" ความรักราบรื่นยาวนานมาถึง 11 ปี และเมื่อ sanook.com มีโอกาสได้พูดคุยกับสาวคลาวเดีย จึงต้องให้เจ้าตัวพูดคุยเปิดใจถึงชีวิตที่ผ่านมาและชีวิตคู่ครั้งใหม่ที่เจ้าตัวบอกว่า "โชคดีที่ได้เจอ" ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

กลับมามีผลงานอีกครั้งในเรื่อง "ทะเลแปร" เป็นยังไงบ้าง?

"เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ตัวละคร "คุณภา" คาแร็กเตอร์แสบมาก เป็นเรื่องที่นักแสดงเองก็ลุ้นไปพร้อมคนดูด้วยเพราะบทยังไม่เสร็จ เป็นการทำงานที่สนุกมากเลยทีเดียว"

ฟีดแบ็กจากคนดูเป็นยังไงบ้าง?

"ตอนนี้ไปไหนคนก็เรียก คุณภา แล้วก็ถามว่าสรุปคุณภาเป็นตัวละครที่ดี หรือ ตัวร้าย (หัวเราะ) บางคนก็บอกว่าชอบจังเลยแอบเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเรื่องเป็นยังไง ดีใจค่ะที่ผู้ชมให้การติดตามและชื่นชอบผลงานที่เราทำออกมาในเรื่องนี้"

ตอนนี้เรียกได้ว่ากลับมาลุยงานในวงการเต็มที่แล้ว?

"ใช่ค่ะ หลังจากทะเลแปรก็จะมีงานออกมาให้ชมอิกแต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ บอกได้แค่ว่า แซ่บเหมือนกัน (ยิ้ม) การกลับมาทำงานตอนนี้ต้องบอกว่าสนุกมากเลย ส่วนตัวเป็นคนชอบแสดงอยู่แล้ว พอได้กลับมาทำงานอีกครั้งรู้สึกว่าสนุกจังเลย ถ่ายไปดูไป อ่านคอมเมนต์ไป มันส์มากเลย จริงๆ ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปีก็มีงานมาเรื่อยๆ แต่ยังต้องไปกลับเมืองนอกอยู่บ่อยๆ อาจจะไม่ได้มีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่"

คลาวเดีย จักรพันธุ์ช่วงที่หายไปนานๆ 7-8 ปี นั้นไปทำอะไรบ้าง?

"ก่อนหน้านี้เราบินไปกลับต่างประเทศเพราะแฟนอยู่อเมริกา พอหลังจากนั้นแฟนมาอยู่พม่าเราก็บิน ไปกลับเยอะเหมือนกันก็มีทำพิธีกรรับเชิญ รับอีเว้นต์บ้าง พอเรารับงานพิธีกรที่เป็นพิธีกรประจำ ทำให้เราต้องปักหลักที่นี่พอเราปักหลักแล้วผู้จัดเห็นว่าเราพอมีเวลาทำงานละครได้ก็ติดต่อกันเข้ามาทำให้เราได้ทำงานเรื่อยมาค่ะ"

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและเราเองก็หายไปนาน การกลับมาทำงานอีกครั้งรู้สึกว่ามีอะไรที่ต่างไปบ้าง?

"ในฐานะคนทำงาน กระบวนการทำงานคลาวเดียว่ามันเหมือนเดิมนะ เพียงแต่ว่าเรื่องบทมันก็ตามยุคสมัย หรืออาจจะมีการสื่อบางอย่างที่แตกต่างไป อย่างเมื่อก่อนตัวละครยืนคิดแล้วมีเสียงออกมาอะไรแบบนั้น ตอนนี้ไม่มีแล้ว (หัวเราะ) แต่อย่างหนึ่งที่เปลี่ยนก็ คือ ยุคนี้ผู้ชมสามารถแสงดความคิดเห็นกับเราคนทำงานได้เลยทันที แบบไม่ต้องรอ แต่จะบอกว่าตอนแรกคลาวเดียดูคอมเมนต์ไม่เป็น ตลกมาก (หัวเราะ) ไม่รู้ต้องไปดูตรงไหน ในคอมเหรอ หรือในเฟซบุ๊ก จนช่างแต่งหน้าเขาสอนว่าในยูทูปเราต้องเลื่อนดู เราเองได้เห็นก็สนุกนะ ไล่อ่านคอมเมนต์ อ่านกระทู้ชอบมาก บางทีนั่งอ่านคอมเมนต์จนปวดตาเลย มันดีนะ เราได้สัมผัสกับคนดูโดยตรงมากกว่าสมัยก่อน"

ตอนนี้ถ้ามีคนเสนอบทแม่ให้เล่น เราพร้อมหรือยัง?

"ได้ค่ะ ถ้าเป็นแม่แล้วบทมีมิติมีอะไรให้เล่นเราโอเคเลย เพราะเราแก่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ อยากเล่นอะไรที่ท้าทาย คลาวเดียไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นตัวร้ายตัวดีหรืออะไร ขอแค่บทนั้นน่าสนใจ มีมิติก็พอค่ะ"

 ในยุคทอง คลาวเดีย ได้รับฉายา "จิ้งจอกพันหน้า" ฉายานี้มาได้ยังไง?

"ใช่ค่ะ ได้ฉายานี้มาเพราะตอนนั้นเราถ่ายแบบแล้วเราเป็นคนที่ได้หมด เขาให้แต่งยังไงเราก็ไม่เกี่ยง หน้าเราก็เลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้พี่ๆ นักข่าวตอนนั้นให้ฉายาว่าจิ้งจอกพันหน้า ตอนเด็กๆ ก็งงว่าอะไรคือจิ้งจอกพันหน้า ทำไมต้องจิ้งจอก แล้วทำไมต้องพันหน้า (หัวเราะ) กระต่ายพันหน้าไม่ได้เหรอ แต่ก็ขำดีค่ะ บางคนเวลาเราถ่ายปกหนังสือเขาก็บอกว่าจำคลาวเดียไม่ได้"

ตอนนั้นงานเยอะแค่ไหน?

"เยอะค่ะ เราทั้งเรียนทั้งทำงานคลาวเดียแจ้งเกิดตอนอายุ 11 จากการเดินแบบ ถ่ายแบบก่อนแล้วก็มาเล่นละครเย็น ละครหลังข่าวตามลำดับแล้วก็ยาวมาเรื่อยๆ แม่ก็จัดคิวซะแน่น แต่ตอนนั้นยังเด็กเรี่ยวแรงเหลือเฟือ ถึงตอนนี้มีงานเยอะแบบนั้นเราก็ทำไม่ไหว ตอนนั้นถามว่ามีรับงานเยอะจนร่างกายไม่ไหวก็มีบ้าง เป็นวัยรุ่นเราก็ทำงานแล้วยังอยากไปเจอเพื่อน เสร็จงานก็ตีรถไปเจอเพื่อนๆ เจอเพื่อนก็กลับมาถ่ายงานอีก ใช้ชีวิตแบบนั้น บางทีเลิกกองสี่ห้าทุ่มยังไปหาเพื่อนต่อ สู้ตายมาก เพราะเราเป็นวัยรุ่นที่โตมาในกอง เราก็อยากใช้ชีวิตวัยรุ่นด้วยแต่ก็ต้องทำงานด้วย เรียกว่าสุดโต่งไปหมด"

จิ้งจอกพันหน้าอย่างเราดูแลภาพลักษณ์เยอะไหม?

"เป็นคนไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์เท่าไหร่นะ มีแฟนก็บอกว่ามีแฟนไม่เคยบอกว่าพี่น้อง เพราะสมัยนั้นเขาชอบเป็นแบบนั้นกัน (ยิ้ม) แต่เราไม่ปิดบังอะไร ก็เลยใช้ชีวิตไม่ได้ลำบากยากเย็นนัก ไม่ซีเรียส พี่ๆ นักข่าวอยากรู้อะไรก็ตอบไป ชิลล์ตั้งแต่เด็ก"

คลาวเดีย จักรพันธุ์ทำไมตัดสินใจกลับมาลุยงานแสดงอีกครั้ง?

"ที่สุดเลย คือ คลาวเดียชอบการแสดง ชอบตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว บวกกับเราไม่ค่อยเก่งเรื่องการทำธุรกิจ ไม่เก่งเรื่องการบริหาร วางแผน เคยคิดจะทำธุรกิจหลายรอบแต่เราคิดแล้วว่าเราไม่เก่งทางนั้น ก็กลับมามองว่าอะไรล่ะที่เราชอบและถนัดคำตอบ คือ งานแสดงงานพิธีกรนี่แหละ"

ขอถามเรื่องความรักหน่อยคบกับหวานใจชาวพม่ามา 11 ปีแล้วเป็นยังไงบ้าง?

"ยาวนานมาก (ลากเสียง) คบกันมาก็จะมีตีๆ กันบ้างเป็นระลอก (หัวเราะ) เราตีกันแต่ถ้าเรามีความรักและความเข้าใจเป็นทุนเราก็จะปรับกันได้ คนเรามันมีทั้งดีและแย่ เราคบกันใช่ว่าจะเจอแต่ข้อดีของเขาแต่เวลาเราเจออีกด้านนึงขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับและปรับได้ไหม"

11 ปี เจอทุกด้านของกันและกันมาหมดแล้ว?

"ไม่น่าเหลืออะไรที่ยังไม่เจอแล้วมั้ง (หัวเราะ) ออกลายกันมาสุดพลังแล้ว แต่ก็มีเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ณ ตอนนี้เขาเป็นคนที่เรารู้สึกว่าอยากจะอยู่กับเขาไปจนแก่ เราผ่านทุกสิ่งทุกอย่างเห็นอกเห็นใจกันไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เราดีหรือเศร้า เราทุกข์หรือแฮปปี้เราก็ยังอยู่กันมาได้อย่างดี"

เคยทะเลาะจนเลิกกันไหม?

"เลิกกันไม่ถึงวัน ไม่กี่ชั่วโมงหรอก (หัวเราะ) โมเมนต์ที่แบบว่า โอ้ยตายแล้ว เลิกกันเถอะ! มันก็มีบ้างมีทั้งเราพูด เขาพูด แต่ก็ไม่เคยเกิน 24 ชั่วโมงหรอก แค่นอนตื่นมาก็หายแล้วชีวิตคู่มันแบบนี้แหละ"

กลับมาถ่ายละครไม่มีปัญหาเรื่องเวลาที่ให้กันใช่ไหม?

"โอเคนะ แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เขาน่ารักมากที่เขาเข้าใจเรา บางทีเขาต้องไปงานต่างๆ อยากให้เราไปด้วยแต่เราติดคิว เราก็บอกเขาว่าเราต้องเอางานก่อนนะเพราะรับไว้แล้วต้องรับผิดชอบเขาก็โอเคเข้าใจ บังคับให้ดูละครก็ดูจนตอนนี้ติดละครไปแล้ว ตอนแรกที่คบกันเขาก็รู้ว่าเราเป็นนักแสดงแต่ไม่ได้สนใจว่ามีคนรู้จักหรืออะไรขนาดไหน แต่พอเรากลับมาเล่นเขาได้ดู เขาก็เหมือนแอบยิ้ม พออกพอใจว่า เออ แฟนเราก็เล่นละครดีเหมือนกันนะอะไรแบบนี้ มีแอบชมว่าบี๋ๆ ละครดีมากเลย"

ถ้าเลิฟซีนล่ะ ละครยุคนี้เลิฟซีนถึงพริกถึงขิง เขาจะโอเคไหม?

"ก็อาจจะต้องไม่ให้เขาดู (หัวเราะ) ทำไงดีล่ะ ก็คงต้องคุยกันเล่นไปตามเรื่องตามราวแต่ในการทำงานเราก็ต้องมีลิมิตของเรา อาจจะไม่เล่นที่มันลึกอะไรมากขนาดนั้นคิดว่าเขาไม่น่าจะมีปัญหา ก็ต้องจำใจนะเราทำงาน (หัวเราะ)"

ตอนนี้ทุกคนยังเข้าใจว่าแฟนเราเป็นมหาเศรษฐี?

"โอ้ย! เข้าใจไปเอง จริงๆ เขา คือ คนทำงานทั่วไป เป็นนักธุรกิจ เพียงแต่ว่าโปรเจ็กต์ที่เขาทำมันใหญ่การลงทุนมันเป็นพันๆ ล้านก็จริงแต่เขาเป็นคนคิดโปรเจ็กต์และลงทุนบางส่วนร่วมกับพาร์ทเนอร์ด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเขาทำงานหนักมากนะ เขาเป็นเจ้าของบริษัทไม่ได้รับเงินเดือนแต่ทำงานหนักทุกวัน กลับบ้านไปไม่ได้พักนะเพราะในหัวคิดงานตลอดเวลา โปรเจ็กต์เงินที่จะเข้ามาเยอะก็จริงแต่งงานก็หนักมาก เห็นแล้วยังเหนื่อยแทนเลย บางทีนอนไม่หลับเพราะคิดงาน เราต้องบอกที่รักพักก่อน"

เรื่องแต่งงานมีแววหรือยัง?

"ต้องไปถามเขาสิ (หัวเราะ) เพราะ ส่วนตัวเองไม่ได้ซีเรียส ไม่ใช่คนจ้ำจี้จำไชว่าต้องแต่งงานกับฉันนะไม่งั้นฉันจะเลิกอะไรแบบนั้น แล้วทุกวันนี้เราแฮปปี้มากเลย เอาจริงๆ เราก็อยู่ด้วยกันเหมือนสามี ภรรยากันอยู่แล้ว เพราะถ้าอยู่ประเทศเดียวกันเราก็อยู่ที่เดียวกัน ดิฉันไม่ใช่เด็กๆ อายุขนาดนี้แล้วเราไม่ซีเรียวเพราะทุกวันนี้มันแฮปปี้ซะจนอะไรก็ได้แล้วค่ะ"

คลาวเดีย-อองทีฮาอดีตที่เราเคยแต่งงานมาแล้ว มีผลในการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ของเราสองคนหรือเปล่า?

 "อองเขารู้ทุกอย่างทั้งหมด เราไม่มีอะไรปิดบังซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกที่คบกันเราคุยกันว่าตัวเราเองเคยมีประสบการณ์แบบนี้มานะ สำหรับตัวคลาวเดียเองการแต่งงานในอดีตมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราเคยแต่งมาแล้วนะ ถ้าสมมติเราเป็นคนที่ไม่เคยผ่านตรงนี้เลยเราอาจจะอยากแต่งงานมากเหมือนกัน แต่ว่าพอเราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วทำให้เรารู้สึกเฉยๆ และตอนนี้มันดี ดีกว่าตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีงานแต่งก็อาจจะดีในแง่ของผู้หลักผู้ใหญ่ของเรา เพราะพ่อแม่เขาก็อยากให้แต่ง ถามบ่อยมาก บอกว่ารออยู่นะ เขาอยากมีหลานอะไรแบบนั้นค่ะ"

สำหรับคนที่เคยไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตแต่งงานมา เรากลัวไหมถ้าต้องใช้ชีวิตคู่อีกครั้ง?

"ตอนนี้เราก็ใช้ชีวิตคู่อยู่แล้ว เราไม่เคยกลัวอะไร เพราะจริงๆ แล้วแต่ละคน แต่ละสถานการณ์และเวลามันไม่เหมือนกัน เราแค่ใช้ชีวิตตอนนี้ ทุกวันนี้ให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คนเราอยู่กันไปเดี๋ยวก็ต้องตายจากกัน สักวันนึงเราต้องเจอกับการลาจากไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง พอเราโตขึ้นเราต้องเรียนรู้กับมัน และตอนนี้ชีวิตคลาวเดียกับอองเรามีความสุขกันมาก มีลูกเป็นหมาตัวเล็กๆ ไม่ได้กลัวว่าจะแต่งงานแล้วดีหรือไม่แต่งดี ไม่มีความคิดนั้นเลย มีแค่คิดว่าพรุ่งนี้จะให้เขาทานอะไร จะทำอะไรไว้ให้เขา เหมือนมันเป็นพาร์ทของคู่ชีวิตไปแล้ว"

"ใช้ชีวิตทุกวันให้มันดีเป็นกำลังใจให้กัน อะไรก็ได้ให้มันสบายใจ เขาทำให้เรารู้สึกสบายใจมากมานานแล้ว เราตีกันจนเรารู้นิสัยกัน เขาทำให้เรารู้ว่าเขารักเราจริงๆ รักครอบครัวเรา และเขาเข้าใจเรามากๆ ความรู้สึกที่เขามอบให้เรามันชัดเจน จนเรามั่นใจว่าคนนี้แหละที่เราอยากอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่า"

 จากตอนที่ผิดหวังกับการแต่งงานครั้งแรกมา ตอนนั้นนานไหมกว่าจะรับคนนี้เข้ามา?

"หลังจากตอนที่จบชีวิตกับครอบครัวเก่า ตอนแรกยอมรับว่าไม่อยากเปิดให้ใครเข้ามาเลยไม่อยากมีแฟน ซึ่งตอนนั้นก็มีคนเข้ามาเรื่อยๆ แต่เรารู้สึกว่ามันยังไม่โอเค ซึ่งก็เป็นระยะเวลาพักใหญ่ก่อนอองจะเข้ามา ตอนอองเข้ามาเราก็กลัวนะเพราะเขาไม่ได้อยู่เมืองไทย เขาอยู่อเมริกาแต่เขาโทรมาวันละเป็นสิบชั่วโมงก็กลายเป็นว่าคุยจนสนิทกันไปเลยใช้เวลาพักใหญ่ก็ตกลงเป็นแฟนคราวนี้ก็ตัวติดกันตลอดยาวเลย"

"ถามว่าอะไรที่เขาทำให้เราเปิดและก้าวข้ามความกลัวจากความผิดหวังมา เราก็ไม่รู้เหมือนกัน คลาวเดียว่าคู่ของเราจริงๆ มันคงมาในเวลาที่เหมาะสมมั้งคะ ถ้าเราเจอเขาตอนที่เรายังเด็กความสัมพันธ์อาจจะไม่ได้ดีแบบนี้ก็ได้ มันเป็นเวลาที่ดีที่แปลกมากที่เราได้มาเจอกันเพราะวงโคจรเรามันไกลกันมาก แทบไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่จะได้มาเจอกันเลย เพราะเขากลับไทยสองอาทิตย์ต่อปี แต่ก็ได้เจอกัน ก็เชื่อในโชคชะตาเหมือนกันนะ แล้วคลาวเดียก็รู้สึกโชคดีมากที่ได้เจอเขา"

เห็นว่ามีการฝากไข่ไว้สำหรับการมีลูกแล้ว?

"ถามว่าอยากมีลูกไหมคลาวเดียเฉยๆ นะ แต่ฝากไข่ไว้เผื่อเอาไว้ก่อน ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะมีเลยตอนนี้ เพราะตอนนี้คลาวเดียรับงานไว้ทำให้ยังมีไม่ได้ถ้าจะมีลูกต้องเคลียร์งานให้ลุล่วงไปก่อน ส่วนทางครอบครัวเขาก็อยากมีหลานมาก อยากได้หลานชายเพราะพี่สาวอองเขามีลูกสาว แต่เราก็ต้องแล้วแต่โชคชะตาค่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วมีเราก็โอเค แต่ถ้าไม่มีเราก็ไม่เป็นไรเพราะเราอายุเยอะแล้ว ถ้ามีลูกตอนอายุมากก็กลัวตายก่อนลูกเข้ามหาวิทยาลัย (หัวเราะ) เพราะถ้ามีลูกเราก็ห่วง ต้องห่วงมากๆแน่นอนแต่ตอนนี้เราเฉยๆ ค่ะ ชิลล์มากค่ะ"

ได้พูดคุยกับสาวสวยคนนี้แล้วบอกเลยว่าเธอช่างโชคดีที่ได้เจอความรักที่เข้าอกเข้าใจรักกันได้อย่างพอดิบพอดีแบบที่หลายๆ คนคาดหวัง ยังไงก็ช่วยกันเอาใจช่วยเธอทั้งเรื่องชีวิตคู่และเรื่องผลงานที่เธอแอบกระซิบว่ายังมีอะไรแซ่บๆ ให้ดูอีกเยอะ ติดตามกันให้ดีๆ 

อัลบั้มภาพ 52 ภาพ

อัลบั้มภาพ 52 ภาพ ของ เผยชีวิตทุกมุม "คลาวเดีย จักรพันธุ์" หวนรับงานอีกครั้ง บทเรียนรักแท้ที่มาหลังความล้มเหลว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook