อุทธรณ์พิพากษากลับ! คุก "ธาริต" 2 ปี ปมให้ดีเอสไอดำเนินคดี "อภิสิทธิ์-สุเทพ" สลายชุมนุม

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับจำคุกคนละ 2 ปี "ธาริต" กับพวก คดี "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังแจ้งข้อหาสั่งฆ่าประชาชน

ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และอดีตรองนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตและเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200

ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 วรรค2 การกระทำเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุดตามมาตรา 200 วรรค 2 พิพากษากลับจำคุกคนละ 3 ปี แต่เนื่องจากคำเบิกความของจำเลยทั้ง 4 ในชั้นไต่สวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก คนละ 2 ปี อย่างไรก็ตาม นายธาริต เตรียมยื่นประกันตัวสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป

จากกรณีเมื่อเดือน ก.ค. 2554 – 13 ธ.ค. 2555 ดีเอสไอได้สรุปสำนวนดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการออกคำสั่ง ศอฉ. ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งโจทก์เห็นว่าการแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองให้ได้รับโทษ และความเสียหาย คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำสั่งพิพากษายกฟ้อง แต่โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษพวกจำเลย

โดยวันนี้นายธาริตและพวก ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาที่ศาลเข้าร่วมฟังด้วย ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วเห็นว่า ก่อนหน้าที่จะมีความเห็นควรแจ้งข้อหาโจทก์ที่ 1-2 ในความผิดฐานฆ่าเล็งเห็นผลจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 จำเลยทั้ง 4 เคยมีความเห็นว่าการชุมนุม นปช.เป็นความผิดกฎหมายจึงแจ้งข้อหาก่อการร้าย แสดงว่าจำเลยที่ 1-4 เห็นว่าโจทก์ที่ 1-2 กระทำไปตามหน้าที่ แม้ภายหลังการไต่สวนการตายของ นายพัน คำกอง ศาลอาญาจะชี้ว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าการกระทำโจทก์ทั้ง 2 เป็นความผิด

จากการพิจารณาพฤติการณ์ประกอบกัน ฟังได้ว่าการที่จำเลยทั้ง 4 มีความเห็นต่างจากเดิม เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองเพื่อเอาใจรัฐบาลเพื่อผลในการต่ออายุตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ การที่จำเลยทั้ง 4 สืบสวนสอบสวนโจทก์ทั้ง 2 พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผลทั้งที่เป็นอำนาจ ปปช. การกระทำจึงเป็นความผิดตามฟ้อง