Sanook คลุกข่าวเช้า 6 มี.ค. 63 ไทยป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย-หมวดจรูญเฮ! ได้ใช้เงินหวย 30 ล้าน

สวัสดีครับ เผลอแป๊บเดียวเข้าสู่วันทำงานสุดท้ายของสัปดาห์นี้กันแล้วคือวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563 ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าสู่เนื้อหาข่าวสารกันเลยดีกว่าครับ

• ไทยเจอผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย ยอดรวมสะสมพุ่งเป็น 47 ราย

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะว่าเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าประเทศไทยของเราพบผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นอีก 4 คน เท่ากับว่ายอดสะสมทั้งหมดที่ป่วยอยู่ในตอนนี้และเคยป่วย รวมเป็น 47 คน

ในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ดังกล่าว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนี้

1. ชายอิตาลี อายุ 29 ปี พนักงานบริษัท เดินทางมาไทยเมื่อ 1 มี.ค. โดยไม่มีไข้ ก่อนจะเข้ามารักษาในโรงพยาบาล ด้วยอาการไข้และไอ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ชลบุรี

2. ชายไทย อายุ 42 ปี พนักงานบริษัท กลับมาจากอิตาลี เดินทางเข้าไทยเมื่อ 2 มี.ค. ขณะนี้อยู่ รพ.ในชลบุรี

3. ชายจีน อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามาจากอิหร่านเพื่อต่อเครื่องเมื่อ 1 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจพบแล้วส่งตัวไปรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร

4. ชายไทย อายุ 20 ปี นักศึกษากลับจากอิหร่านเมื่อ 27 ก.พ. ผ่านด่าน ตม. โดยไม่มีไข้ เมื่อมีอาการไข้ จึงเข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในนครศรีธรรมราช

ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อในไทยมีจำนวนสะสมทั้งสิ้น 47 ราย รักษาตัวอยู่ 15 ราย มีอาการรุนแรง 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย

 

หลังจากทราบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 4 ราย สถานที่หลายแห่งที่บุคคลทั้ง 4 เคยไปใช้บริการก็ต้องมีการปิดให้บริการเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ อย่างเช่นธนาคารกสิกรไทย ที่มีการปิดศูนย์ธุรกิจต่างประเทศและสาขาแหลมฉบัง เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยรายหนึ่งเคยเข้าใช้บริการก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม คงต้องเน้นย้ำและประชาสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ใดก็ตามที่มีการเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง ให้กักกันตนเองเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เพราะช่วงนี้ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพกลุ่มคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแต่กลับไม่ยอมกักตัวเอง หนำซ้ำยังออกไปใช้บริการที่สถานที่สาธารณะหลายแห่ง ซึ่งส่งผลกระทบให้สถานที่เหล่านั้นต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่

ขณะที่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ซึ่งท้องที่นอกราชอาณาจักรดังกล่าว ประกอบด้วย 4 ประเทศ ดังนี้

1. สาธารณรัฐเกาหลี  

2. สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

3. สาธารณรัฐอิตาลี และ

4. สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

จากประกาศที่ว่ามานี้ จะเป็นเครื่องมือทางกฎหมายให้เจ้าหน้าที่สามารถกักกันตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้ได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่ปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือไม่ยอมกักกันตัวเอง มีโทษทางกฎหมาย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

นอกจากนี้ สถานการณ์ในยุโรปยังคงน่ากังวล เพราะอิตาลีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโรคโควิด-19 ถึง 41 ราย ถือเป็นการตายวันเดียวมากที่สุดจนถึงตอนนี้ แซงหน้าอิหร่านกลายเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงที่สุดในโลกนอกเหนือจากจีน ในขณะที่อังกฤษพบผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศ ทำให้รัฐบาลเตรียมออกมาตรการที่เข้มข้นขึ้น

• ปิดตำนานหวยอลเวง! "หมวดจรูญ" ได้ใช้เงิน 30 ล้านแล้ว หลังศาลยกคำร้อง "ครูปรีชา"

จากกรณีการแย่งสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 30 ล้านบาท จนกลายเป็นมหากาพย์ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี และ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ต่อสู้ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง

ล่าสุดเมื่อวานนี้ ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาในประเด็นที่ทาง ครูปรีชา ซึ่งเป็นโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ใน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ คำสั่งที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งอายัดเงิน ลุงจรูญ ซึ่งศาลได้ตัดสินในประเด็นนี้ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของศาลชั้นต้น ฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัยในประเด็นนี้

ส่วนอีกประเด็นคือ กระบวนการพิจารณาเป็นกระบวนการที่ผิดระเบียบ โดยให้เหตุผลว่า คดีนี้ได้จำหน่ายคดีไปแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้ถึงแม้ว่าจะมีการจำหน่ายคดี แต่เป็นเพียงการจำหน่ายคดีชั่วคราว และอำนาจการวินิจฉัยก็เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นอีกเช่นกัน ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองเรื่อง เท่ากับว่า ลุงจรูญ มีสิทธิ์อย่างเต็มตัวในการใช้เงิน 30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าครูปรีชาไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด

• ธาริต-ปลอดประสพ เจอพิพากษาจำคุก

เมื่อวานนี้มีบุคคลในแวดวงการเมือง 2 ท่านที่ถูกพิพากษาให้จำคุก คนแรกคือ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี อดีตอธิบดีดีเอสไอ จากคดีที่ถูก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และอดีตรองนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 ซึ่งเป็นกรณีจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ที่อภิสิทธิ์และสุเทพเห็นว่าธาริตมีการแจ้งข้อกล่าวหากับทั้งคู่ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตาม นายธาริต เตรียมยื่นประกันตัวสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป

 

อีกคนหนึ่งก็คือ ปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปัจจุบันอายุ 75 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเลยในคดีที่ถูกฟ้องว่ามีการโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ถูกต้อง กลั่นแกล้งด้วยการย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ต่ำกว่าระดับเดิม

ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำที่ทำลายระบบคุณธรรมและธรรมาภิบาลในระบบราชการจึงไม่ควรรอการลงโทษ และที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 1.4 ล้านบาทนั้นเหมาะสมแล้ว จึงพิพากษาให้จำคุกรวม 1 ปี 8 เดือน

ทั้งนี้ หลังจากที่รับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งถือเป็นที่สุดตามกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัว นายปลอดประสพ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อรับโทษตามผลการพิพากษา

นอกจากข่าวที่ว่ามาทั้งหมดแล้ว ในโลกทวิตเตอร์มีกระแสเกิดขึ้นน่าสนใจเช่นกัน อาทิ #RIPTwitter ที่เกิดจากการที่ Twitter ทำการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Fleets ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Stories ของ Instagram และ Snapchat โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะเป็นทวีตที่มีอายุจำกัดและจะหายไปเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ซึ่งตัวฟีเจอร์ใหม่นี้เริ่มเปิดทดสอบเฉพาะในประเทศบราซิล

แต่ปรากฏว่าหลังจากเปิดทดสอบได้ไม่นาน ฟีดแบ็กจากผู้ใช้ก็เป็นไปในแง่ลบทันที จน #RIPTwitter ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว โดยฟีดแบ็กส่วนใหญ่มองว่าฟีเจอร์นี้คล้ายกับโซเชียลมีเดียรายอื่นๆ มากเกินไป ซึ่งผู้ใช้ Twitter ต้องการที่จะให้มีการอัปเดตฟีเจอร์ให้สามารถทำการแก้ไขข้อความใน Twitter ได้มากกว่า

ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก็คือ #ถ้ำยะลา ที่สืบเนื่องมาจากประกาศกรมศิลปากรที่มีการแก้ไขขอบเขตที่ดินโบราณสถานภาพเขียนสีเขายะลา อ.เมือง จ.ยะลา ออกจากการเป็นแหล่งโบราณคดี เพื่อทำเป็นแหล่งสัมปทานหิน โดยมีการให้เหตุผลว่า จ.ยะลา และจังหวัดใกล้เคียงประสบสภาวะขาดแคลนหินอุตสาหกรรม เนื่องจากแหล่งหินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง จึงมีความจำเป็นต้องใช้แหล่งหินอุตสาหกรรมในเขตโบราณสถานเขายะลา เพื่อผ่อนคลายสภาวะขาดแคลนหินอุตสาหกรรม และลดการก่อความรุนแรงที่อาจเกิดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

ทำให้คนในพื้นที่และในโลกออนไลน์ต่างกังวลเป็นอย่างมากว่าเป็นการออกคำสั่งที่กระทบกับแหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของประเทศไทย

สำหรับวันนี้ก็เต็มอิ่มเลยทีเดียวครับ แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ