ฟังกันเลย Sanook คลุกข่าวเช้า 9 มี.ค. 63 กักตุนหน้ากากอนามัย พัวพันทีมงานรัฐมนตรี

ฟังกันเลย Sanook คลุกข่าวเช้า 9 มี.ค. 63 กักตุนหน้ากากอนามัย พัวพันทีมงานรัฐมนตรี

ฟังกันเลย Sanook คลุกข่าวเช้า 9 มี.ค. 63 กักตุนหน้ากากอนามัย พัวพันทีมงานรัฐมนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่กันอีกครั้ง สำหรับวันนี้ก็เป็นวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563 ยังคงมีข่าวสารมาเสิร์ฟกันเหมือนเช่นเคย แล้วก็อย่าลืมเลื่อนไปมองหาสัญลักษณ์รูปลำโพงด้านบน เพื่อกดฟังระบบ AI แปลงเนื้อหาจากตัวหนังสือมาเป็นเสียงอ่านให้ฟังกันนะครับ

  • ผู้ป่วย "โควิด-19" กระจายไป 100 ประเทศ - อิตาลีปิดเมืองภาคเหนือหลังยอดเสียชีวิตพุ่ง

เริ่มต้นกันที่เรื่องแรกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมทั่วโลกทะลุหลักแสนไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ รวมทั้งจำนวนประเทศที่มีผู้ป่วย COVID-19 ก็มีถึง 100 ประเทศแล้ว

ขณะที่ประเทศที่ต้องจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดคือ อิตาลี เนื่องจากพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 133 รายในวันอาทิตย์วันเดียว ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 366 ราย ซึ่งมากที่สุดในบรรดาประเทศที่ติดเชื้อนอกประเทศจีน ส่งผลให้รัฐบาลอิตาลีต้องประกาศมาตรการฉุกเฉินพร้อมสั่งปิดพื้นที่แถบภาคเหนือของประเทศที่มีประชากรรวมกันราว 1 ใน 4 ของอิตาลี หรือประมาณ 16 ล้านคน ซึ่งรวมถึงศูนย์กลางการเงินอย่างเมืองมิลาน นอกจากนี้ยังพิจารณาปิดจังหวัดอื่นๆ อีก 14 จังหวัด รวมทั้งจังหวัดเวเนโต้ ที่ตั้งของเมืองเวนิส

ส่วนที่อิหร่าน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 49 รายในวันอาทิตย์ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 194 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 6,500 คน ที่เกาหลีใต้มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้วกว่า 7,300 คน เสียชีวิต 51 ราย ในประเทศจีนนั้นโชคไม่ดีที่เกิดเหตุการณ์โรงแรมแห่งหนึ่งที่ใช้กักตัวผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในมณฑลฝูเจี้ยนพังถล่มลงมาเมื่อวันเสาร์ ซึ่งทางการคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน แต่ที่เป็นสัญญาณค่อนข้างดีคือเริ่มมีการทยอยปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโควิด-19 หลังพบว่าจำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีรายงานว่าในบางพื้นที่ไม่พบว่ามีผู้ป่วยแล้ว

มากันที่ประเทศไทยกันบ้าง ตัวเลขผู้ป่วยสะสมยังคงอยู่ที่ 50 รายตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ ขณะที่มีผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านได้อีก 2 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยที่กลับบ้านแล้ว 33 ราย และยังคงพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 16 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจจากการแถลงเมื่อวานนี้ของคุณหมอธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็คือ ขณะนี้ไทยมียอดผู้ป่วยสะสม 50 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 33 ราย โดยจำนวน 33 คน มีคนที่ใช้ยาต้านไวรัสน้อยมาก บ่งชี้ว่าโรคดังกล่าวสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องได้รับยาต้านไวรัส และเมื่อพิจารณาจากตัวเลขของต่างประเทศ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ 80-90% หายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส แต่การที่ไทยรับผู้ป่วยทั้งหมดไว้ดูแลในโรงพยาบาล ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น

นอกจากนี้ กรณีที่มีข่าวว่าแรงงานไทยผิดกฎหมายหรือผีน้อยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ แล้วมีการหนีการตรวจสอบกักกันโรคประมาณ 70-80 คน นั้น สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ระบุว่า “ขอให้แรงงานนอกระบบจากเกาหลีใต้ ที่ยังไม่รับการเฝ้าระวังสังเกตอาการในพื้นที่ควบคุมโรคที่รัฐกำหนด ให้เข้ารายงานตัวที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตามภูมิลำเนา ภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย” 

  • ดราม่าหน้ากากอนามัย ลากไปพัวพันทีมงานรัฐมนตรีคนดัง

มาที่อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกันกับเรื่องการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั่นคือ หน้ากากอนามัย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องและวิพากษ์วิจารณ์ให้ภาครัฐจัดหาหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมและเพียงพอทั้งกับประชาชนทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงหมอและพยาบาล เพราะในโลกออนไลน์พบว่ามีบางโรงพยาบาลขาดแคลนหนักจนต้องมีการนำหน้ากากมาซัก เอาไปตาก แล้วนำมาใช้ซ้ำ

ขณะที่เมื่อวานนี้มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยอยู่ 2 เรื่องที่กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจ เรื่องแรกคือ สมาคมร้านขายยาออกแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาใจความว่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีการรายงานข่าวหลากหลายช่องทางว่ากรมการค้าภายใน ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่ สมาคมร้านขายยา วันละ 25,000 ชิ้น เพื่อจำหน่ายกับผู้ที่ต้องการนั้น แต่จนถึงขณะนี้ ทางสมาคมฯ ยังไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายใน เลยแม้แต่น้อย

ซึ่งในเวลาต่อมา นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า ร้านขายยาได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยวันละ 25,000 ชิ้น ตามที่ได้มีการตกลงกัน แต่การส่งมอบจะทำโดยโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยจัดส่งให้ร้านขายยาโดยตรง เพื่อลดขั้นตอนการจัดส่งให้หน้ากากอนามัยถึงมือผู้บริโภคโดยเร็ว พร้อมย้ำข้อมูลล่าสุดว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบหมายให้นำหน้ากากอนามัยไปแบ่งสรรกระจายโควตาจำนวน 700,000 ชิ้นต่อวัน และกระทรวงพาณิชย์ 500,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งในจำนวนนี้ร้านขายยายังได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยจำนวนไม่น้อยกว่า 25,000 ชิ้น ตามที่ได้ตกลงไว้เดิมอีกด้วย

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ การที่โลกออนไลน์มีการพูดถึงและวิจารณ์กันอย่างหนัก เนื่องจากพบว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่โยงใยไปถึงหนึ่งในทีมงานของรัฐมนตรีคนหนึ่ง มีพฤติกรรมในทำนองกักตุนหน้ากากอนามัยไว้ในปริมาณหลายล้านชิ้น แล้วแถมยังมีการนำไปส่งขายให้กับนายทุนจากจีนอีกต่างหาก

ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้ชี้แจงกรณีนี้ว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุนและขายหน้ากากอนามัยนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนเอง แต่ยอมรับว่าหนึ่งในคณะทำงานของตนเองมีการไปพบเจอกับบุคคลดังกล่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลาง กทม. เพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง แต่ไม่ได้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันมาก่อนโดยเป็นการพบกันครั้งแรก พร้อมกับเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้กองธรรมนัสได้มอบหมายให้ทีมงานที่มีชื่อถูกพาดพิงไปแจ้งความบุคคลดังกล่าวในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคา รวมทั้งในความผิดที่ถูกแอบอ้างนำข้อความไปโพสต์

ก่อนที่จะปิดท้ายว่า ทีมงานของตนนั้นเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ แต่หากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับทีมงานของตนเองทันที

  • แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านอัด แมนฯ ซิตี้ 2-0 สาวกหงส์เฮ! เตรียมฉลองแชมป์

มาที่เรื่องของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กันบ้าง เมื่อคืนนี้มี "แมนเชสเตอร์ ดาร์บีแมตช์" ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลปรากฏว่า ปีศาจแดง เชือดนิ่มๆ เรือใบสีฟ้า ไป 2-0 โดยได้ประตูจาก อ็อกโตนี มาร์กซิยาล ในนาทีที่ 30 และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ นาทีที่ 90+6 ซึ่งนอกจากเหล่าสาวกอสูรแดงจะดีใจกับผลงานของทีมรักแล้ว บรรดาเดอะค็อปต่างก็เฮกันยกใหญ่

เพราะการที่ แมนฯ ซิตี้ ปราชัยในนัดเมื่อคืน เท่ากับว่าเส้นทางการคว้าแชมป์ของ หงส์แดง แทบจะเรียกได้ว่าแบเบอร์แล้ว เนื่องจากอีก 9 นัดที่เหลือ ลิเวอร์พูล ต้องการอีกแค่ 6 คะแนน ก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ไปครองได้สำเร็จ กลายเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ก็เป็นอันครบถ้วนเนื้อหาสาระ แล้วกลับมาพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook