พ่อแม่ร้อง ลูก 6 เดือนช็อกดับในห้องฉุกเฉิน หมอยันรักษาเต็มที่ เด็กป่วยก่อนหลายวันแล้ว

พ่อแม่ร้อง ลูก 6 เดือนช็อกดับในห้องฉุกเฉิน หมอยันรักษาเต็มที่ เด็กป่วยก่อนหลายวันแล้ว

พ่อแม่ร้อง ลูก 6 เดือนช็อกดับในห้องฉุกเฉิน หมอยันรักษาเต็มที่ เด็กป่วยก่อนหลายวันแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวการเสียชีวิตของทารก อายุ 6 เดือนเศษ โดยขอความเป็นธรรมผ่านสังคม และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 มีนาคม 2563 พ่อแม่ของ เด็กชาย ได้พาเด็กไปตรวจรักษาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลนครพนม เนื่องจากมีอาการป่วยไข้ขึ้นสูง และท้องเสีย จนกระทั่งนำมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม แต่เกิดเหตุเศร้าไม่คาดคิด เนื่องจากเวลาผ่านไป ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังถึงมือแพทย์ พยาบาล เด็กชายเสียชีวิตกะทันหัน ทำให้พ่อแม่ติดใจในเรื่องการตรวจรักษา คิดว่าเป็นความผิดพลาดของแพทย์พยาบาล โรงพยาบาลนครพนม จึงมีการนำภาพการเสียชีวิต มาโพสต์ในโซเชียล เพื่อให้ทางโรงพยาบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านผู้เสียหาย ได้พูดคุยกับ พ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิต พ่อ อายุ 38 ปี และแม่ อายุ 49 ปี อยู่ระหว่างเตรียมจัดงานศพให้ลูกชายวัย 6 เดือนที่เสียชีวิต

แม่เด็กที่เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อ ช่วงเย็นวันที่ 8 มีนาคม 2563 สามีได้ปลอกผลไม้สาลี่ จากนั้นลูกชายคลานมากินด้วย จึงยื่นให้ดูดกินตามประสาเด็ก ก่อนหน้านี้ก็เคยกินผลไม้ตามปกติ จนกระทั่งช่วงกลางคืน ลูกชายมีอาการผิดปกติ ท้องเสีย อาเจียน หลายรอบ ร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากการทานผลไม้ หรือเกิดจากสาเหตุอย่างอื่น  รุ่งเช้าจึงพาไปตรวจที่คลินิกแห่งหนึ่งในตัวเมือง แพทย์วินิจฉัยแนะนำว่า ไม่มีอาการไข้ มีอาการท้องเสีย จึงจัดยา และนมมาให้ทานที่บ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงเกิดความกังวล และพาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม ตอนที่ถึงโรงพยาบาล สังเกตลูกชาย มีอาการผิดปกติไข้ขึ้นสูง ร้องไห้ มีอาการอ่อนเพลีย ขณะที่รอทำบัตร ตนจึงเกรงว่าลูกจะเป็นอันตราย จึงขอลัดคิววิ่งอุ้มลูกเข้าห้องฉุกเฉิน

แพทย์ พยาบาล ได้ รุมช่วยเหลือลูกชาย ทั้งจับฉีดยา ให้น้ำเกลือสารพัด รู้สึกตกใจมาก จากนั้นเวลาผ่านไป ประมาณ เกือบ 1 ชั่วโมง แพทย์ พยาบาล ออกมาบอกว่า ลูกชายเสียชีวิต ตนกับสามีถึงกับช็อก วิ่งเข้าไปดู ร้องไห้ตลอดสงสารลูก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแบบนี้จึงติดใจด้วยความรัก สงสารลูก ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้ จากนั้นทางญาติ จึงหารือกัน และนำข้อมูลมาโพสต์  ขอความเป็นธรรมดังกล่าว

ด้าน นายแพทย์ยุทธชัย ตริสกุล ผู้อำนวยโรงพยาบาลนครพนม  ได้ประสานงานร่วมกับ สื่อมวลชน และ พ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิต เพื่อเข้ารับฟังบรรยายชี้แจงข้อเท็จจริงกับทีมแพทย์-พยาบาล ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลนครพนม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับแพทย์พยาบาลผู้ปฏิบัติงาน โดยได้มีการนำกล้องวงจรปิดที่มีการบันทึกข้อมูลหลักฐาน ตั้งแต่ช่วงพ่อแม่เด็กนำลูกชายเข้ามารักษา ไปจนถึงการช่วยเหลือรักษาเด็กภายในห้องฉุกเฉิน เพื่อให้รับทราบถึงขั้นตอนและสาเหตุข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่า ในการรักษาได้ใช้ขั้นตอนตามหลักวิชาการแพทย์ถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของแพทย์พยาบาล แต่ได้ทำหน้าที่สุดความสามารถ

ส่วนสาเหตุมาจากเด็กมีอาการป่วยจากอาการไข้สูง ท้องเสียมาหลายวัน ทำให้เกิดอาการช็อก ตัวเกร็ง ชีพจรเต้นช้า ก่อนที่จะถึงทีมแพทย์พยาบาล ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน เพราะร่างกายไม่ตอบสนองต่อยาและเสียชีวิตในที่สุด

ในส่วนการเยียวยาไม่สามารถจะชดเชยเยียวยาได้ เพราะมีขั้นตอนระเบียบทางราชการสามารถช่วยเหลือได้ตามหลักจริยธรรม พร้อมวิงวอนอย่าโยนความผิดให้แพทย์พยาบาล เพราะเป็นการทำลายกำลังใจ  หลังฟังคำชี้แจงอย่างละเอียด ทำให้พ่อแม่ เด็กยอมรับ เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยืนยันยอมรับไม่ติดใจกับการเสียชีวิตอีก

ด้าน แพทย์หญิงชรินพร พนาอรุณวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานกุมารเวชกรรม รพ.นครพนม ในฐานะหัวหน้าทีมแพทย์-พยาบาล เปิดเผยว่า แพทย์ พยาบาลไม่มีใครต้องการให้เกิดความสูญเสีย ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร ทุกคนทำสุดความสามารถ ตามหลักการแพทย์ จากการซักประวัติจากแม่พบว่าประวัติก่อนรักษา เด็กที่เสียชีวิตมีอาการไข้ขึ้นสูงมาได้ 4 -5 วัน และมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน มากกว่า 30 ครั้ง ต่อวัน และเคยไปตรวจรักษา กินยาที่คลินิกมาก่อน แต่ไม่ดีขึ้น จนเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 9 มีนาคม 2563 พ่อแม่ เด็กได้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนครพนม จึงได้รับตัวเข้าที่ห้องฉุกเฉิน ขณะนั้นเด็กมีอาการ ชัก ตัวเกร็ง เพราะไข้ขึ้นสูง อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส ตาลอย แพทย์พยาบาล ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ และนำยาเข้าทางเครื่องช่วยหายใจ  โดยการเข้าน้ำเกลือเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะเด็กไม่ตอบสนอง จึงใช้วิธีหาทางเจอเส้นเลือดตรงกระดูกต้นขา ซึ่งช่วงการรักษาได้ พุดคุยทำความเข้าใจกับพ่อแม่เด็กตลอด 

จากนั้นเด็กหมดสติจึงทำการช่วยชีวิตตามขั้นตอน ทั้ง ซีพีอาร์ ปั๊มหัวใจ ใช้เวลานานกว่า 45 นาที แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้เด็กเสียชีวิตเนื่องจากบอบช้ำไม่ตอบสนอง อาจเกิดจากอาการป่วยไข้ขึ้นมาก่อน เป็นเหตุสุดวิสัยสุดความสามารถ ที่สำคัญถือเป็นกรณีศึกษาบางครั้งอาการช็อกของผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องตัวร้อน

การเสียชีวิตของเด็กชายคนดังกล่าว อาจจะเกิดจากโลหิตเป็นพิษ ตามภาพเด็กชายมีตัวเขียวคล้ำก่อนถึงมือแพทย์  และฝากถึงประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ในการทำหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล เชื่อมั่นทุกคนทำหน้าที่ด้วยจรรยาบรรณต้องช่วยเหลือคนไข้ให้มีชีวิตรอดทุกคนรอด ขออย่าโยนความผิดให้แพทย์พยาบาล ทุกอย่างมีองค์ประกอบหลายอย่าง  โดยเฉพาะเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องสังเกตอาการตลอด ไม่มั่นใจมีอาการผิดปกติ ให้นำไปพบแพทย์เร็วที่สุด  ไม่มีใครอยากเกิดความสูญเสียขึ้น ขอความเห็นใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook