"เติ้ล ตะวัน" แอบเครียด ปรึกษาหมอเรื่อง "น้องมียา" ให้ทำใจส่วนสูงเต็มที่ 140 ซม.

"เติ้ล ตะวัน" แอบเครียด ปรึกษาหมอเรื่อง "น้องมียา" ให้ทำใจส่วนสูงเต็มที่ 140 ซม.

"เติ้ล ตะวัน" แอบเครียด ปรึกษาหมอเรื่อง "น้องมียา" ให้ทำใจส่วนสูงเต็มที่ 140 ซม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำเอาแฟนๆ อดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อ น้องมียา ลูกสาวของนักแสดงหนุ่ม เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา และภรรยา กระแต เสาวคนธ์ มีไข้สูงระหว่างเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด จนต้องล้มเลิกแผนเพื่อวกรถกลับไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลทันที

ล่าสุด เติ้ล ตะวัน ได้ควงแขน กระแต เสาวคนธ์ ออกมาอัปเดตอาการของ น้องมียา ให้ฟังว่า ป่วยเป็นอาร์เอสวี ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในเด็ก แต่เพราะตัดสินใจไปโรงพยาบาลได้ทันจึงทำให้อาการไม่แย่มาก ทั้งนี้ เติ้ล-กระแต ยังยอมรับด้วยว่าแอบเป็นห่วงเรื่องความสูงของลูก เนื่องจากเคยไปปรึกษาหมอ ได้รับคำตอบมาว่าอาจจะสูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม. เพราะปัจจัยหลายอย่าง แต่ตอนนี้ได้ลองเปลี่ยนหมอท่านใหม่ ยอมรับว่าโล่งขึ้น เนื่องจากคำแนะนำในการปรับฮอร์โมนที่เป็นไปได้

น้องมียาป่วยเป็นอาร์เอสวี (RSV) เห็นว่าลงปอด ?
กระแต : "ก็ลงไปนิดหนึ่ง คือเราไปถึงโรงพยาบาลเร็ว หมอก็เลยตรวจเช็กเร็ว คือเอ็กซเรย์ปอดก็รักษาได้เร็วมาก อาการน้องแค่ไข้ขึ้นสูงประมาณ 40 แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเขาไข้ขึ้นสูงต้องให้เขากินยาอะไร คือเราก็เลี้ยงเขามา 1 วันเต็มๆ คิดว่าเดี๋ยวไข้ก็ลง ปรากฏว่าไม่ลง และพอเราให้กินยาแรงไข้ก็ลง เขาวิ่งเล่นเหมือนไม่เป็นอะไรเลย แต่ก็มีอาการไอนิดหน่อย แต่พอ 6 ชั่วโมงผ่านไป พอมาวัดไข้ก็ 40"

คือเราวางใจว่าไม่เป็นอะไรมาก ?
กระแต : "ใช่เพราะเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เราก็แพ็คกระเป๋าแล้วเพราะตั้งใจจะไปนอนทะเล 3 วัน พอขึ้นรถไป พอดีรถติดกลางทาง เขาก็ร่วงลงไปเหมือนหลับ แล้วก็หงอยๆ เราก็คิดว่าจะเอาอย่างไรดี คืออีก 3 ชั่วโมงถึงทะเลล่ะ ถ้าไปถึงก็ 3 ทุ่ม ก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่แวะโรงพยาบาลนิดหนึ่ง ไปตรวจไข้หวัดใหญ่ สรุปเป็น อาร์เอสวี"

คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง ?
กระแต : "คุณหมอก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้ก็ลงปอดหนักกว่านี้ ปอดอักเสบและอาจจะเป็นปอดเรื้อรัง เขาเป็นก่อนกำหนด เขาเกิดก่อนกำหนดเขามีเซนซิทีฟที่จะรับอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว"

อาร์เอสวี (RSV) มาทางไหน ?
กระแต : "มาทางอากาศ มันเป็นโรคหนักในเด็ก คือถ้าติดผู้ใหญ่จะเป็นแค่เหมือนหวัดธรรมดา เราก็แค่เลี้ยงลูกอยู่ตอนนั้น ก็เข้าโรงพยาบาลอยู่ 3-4 วัน เราก็คิดว่าเราแข็งแรงแล้ว สรุปว่าโอนมาที่แม่ แม่ก็มีอาการปวดท้องเหมือนไวรัสลงกระเพาะ หมอก็บอกว่านี่แหละ แล้วโรคนี้มันกลับมาเป็นได้อีกเรื่อยๆ"

เติ้ล : "เป็นเชื้อไวรัส คล้ายโควิดนี่แหละแต่เป็นในเด็ก เป็นโรคประจำของเด็ก มันจะเป็นหน้า ช่วงที่ใครๆ เป็นอาร์เอสวี มียาเป็นมือเท้าปาก และช่วงที่เขาเป็นไข้หวัดใหญ่ มียาเป็นอาร์เอสวี คือถ้าเอาลูกเข้าโรงเรียน ทุกคนรู้จักโรคนี้ดี"

เป็นห่วงลูกไหม เพราะลูกเราก็ป่วยบ่อย ?
กระแต : "ขนาดเราเอาเขาเก็บไว้ที่บ้านอย่างดี พาเขาออกบ้านไปแป๊บเดียว เป็นอาร์เอสวี คือแต่ละโรคคือใหญ่มาก คือเราก็ชินนะและเราก็เรียนรู้ว่าถ้าเขาไปโรงเรียนมาอีกแน่นอน แต่เราไม่นอยด์นะ เพราะเรารู้สึกว่าเรารักษาได้ และหมอที่เราไปหาเราก็ไว้วางใจเขา แค่เราเอาใจใส่ลูก เช็กเขา ไอไหม ตัวร้อนไหม เราคิดว่าอย่างไรก็รักษาทัน"

 เติ้ล ตะวัน - กระแต - น้องมียา

เติ้ล : "คือหลายคนอาจจะคิดว่ามียาป่วยบ่อย แต่เรารู้สึกว่าถ้าลูกป่วยนิดหนึ่ง เราพาลูกเข้าโรงพยาบาลเพราะมันเซฟกว่า บางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากให้เอาเด็กไปโรงพยาบาลบ่อย แล้วเราจะเอาลูกไปไหน แล้วรักษาอย่างไร ก็ต้องไปไหมเพราะเรารู้สึกว่าไปโรงพยาบาลมันเซฟสุดแล้ว และลูกเราได้น้ำเกลือมันก็ฟื้นตัวเร็ว"

ก่อนหน้านี้เติ้ลห่วงที่ผมน้องมียาไม่ค่อยยาว ?
เติ้ล : "ใช่ เพราะผมมันไม่ยาวสักที ผมคิดว่ามียาเขาเป็นเหมือนมังสวิรัติ คือกินแต่ผักและผลไม้อย่างเดียว ไม่กินข้าว เนื้อสัตว์ไม่กินเลย มันเลยส่งผลกระทบถึงภูมิคุ้มกันเขาด้วย เพราะเขากินอาหารไม่มีประโยชน์มาก แต่พอเราเปลี่ยนพี่เลี้ยงใหม่มา เขาก็ดีขึ้น โตขึ้น กินข้าวเยอะขึ้น กินกับด้วย ก็เริ่มแข็งแรงเพิ่มขึ้น"

กระแต : "หาเยอะ หาทุกหมอ แต่เอาเข้าจริงๆ คือหมอพูดมันใช้จริงกับเราไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ตัวเด็กของเราด้วย แต่ก็แค่ฟังไว้เป็นไกด์ไลน์ ว่าถ้ายูให้ลูกทำแบบนี้ อย่างทำไมเราต้องเลิกให้ลูกกินนมตอนดึก คือเราอยากให้ลูกเราโต ดึกแค่ไหนเราก็ยัด ใครจะให้งดนมมื้อดึกเราไม่งด ให้กิน จนไปหาหมอฟัน หมอก็บอกว่าระวังฟันจะผุนะ เราก็เริ่มนึกได้ เพราะถ้ากินตอนกลางคืน กินเสร็จเขาก็นอน สรุปก็ต้องงด แต่ก็ค่อยๆ ถอนออก ก็ให้กินน้ำเปล่าครึ่งหนึ่ง นมน้อยๆ จางๆ คือให้มันมีกลิ่น คือเขาก็ทำได้ เรื่องฟันผุก็ไม่ผุแล้ว ก็ให้ขยันแปรงฟัน ส่วนเรื่องโภชนาการเราก็พาไปหาหมอ 2 ที่ แล้วเราก็คอมแพร์ว่าการคุยกับหมอแต่ละท่านเป็นอย่างไร คุยกับบางท่านเราก็รู้สึกว่าโหดไปที่ลูกต้องกินผักเท่านั้น กินแป้งเท่านั้น คือบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์ต่างๆ ที่หมอบอกคืออะไร ผักบางอย่างต้มไปวิตามินก็ออกไป เราก็ไม่รู้เขาจะได้วิตามินเท่าไหร่"

เราก็มองสุขภาพลูกในระยะยาว ?
เติ้ล : "ประเด็นเลยคือเขาต้องสูงกว่าแม่"

กระแต : "เรากลัวเขาตัวเล็ก วันหนึ่งเราพาลูกไปหาหมอภูมิแพ้ เสร็จเห็นห้องหนึ่งเห็นหมอดูเก่ง คือคิดเองก็เลยไปถามพยาบาลว่าหมอท่านนี้ตรวจอะไร พยาบาลก็บอกว่า หมอดูเกี่ยวกับฮอร์โมนพัฒนาการกระดูก เราก็เลยบอกพยาบาลว่า เอาๆ ขอจองต่อเลยได้ไหม ขอไปหาหมอภูมิแพ้ก่อน เดี๋ยวออกมาเจอหมอคนนี้ พยาบาลก็ทำคิวให้ ก็เข้าไปกัน 2 คน หมอก็บอกว่า เขาเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักเท่านี้ พ่อสูงเท่านี้ แม่สูงเท่านี้ ลูกสูง 140 เขาบอกเลย"

เติ้ล : "เราก็ถามหมอว่าต้องทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกสูงกว่านี้ หมอบอกว่าให้ทำใจ คำถามคือแล้วกูจะไปหามึงทำไม (หัวเราะ) คือผมไม่เครียดเรื่องความสูงของลูกหรอก คิดว่าตลก"

กระแต : "คือเราเครียดนะ เราอยากให้เขาสูงกว่าเรา มันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว แต่พอเราฟังหมอแล้วหมอบอกว่าเขาจะสูง 140 เราคิดว่าไม่ใช่"

เติ้ล : "ตอนนี้เราไปหมอคนใหม่ เพราะตอนนี้มียาเข้าเกณฑ์ละ ซึ่งคุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกจะมีความสูงเฉลี่ย 155 คือสูงที่สุดของเขาคือ 164 เตี้ยสุดก็ 140 เราก็รอดูความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยับเขาให้สูงขึ้นไปอีกได้ไหม"

อันนี้กระบวนการคือโภชนาการเป็นหลักใช่ไหม ?
กระแต : "ใช่ กินกับนอน เรื่องนอนสำคัญ เพราะคุณหมอบอกว่าอยากให้เขาหลับสนิทเลย พอหลัง 3 ทุ่มฮอร์โมนจะหลังทันที เขาถึงไม่อยากให้เด็กตื่นขึ้นมาดื่มนมกลางดึก เพราะเขาตื่นปุ๊บ ฮอร์โมนเขาจะหยุดหลั่งทันที"

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "เติ้ล ตะวัน" แอบเครียด ปรึกษาหมอเรื่อง "น้องมียา" ให้ทำใจส่วนสูงเต็มที่ 140 ซม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook