นายกฯ ห่วงประชาชนภาคเหนือ สั่งทัพฟ้าใช้ ฮ. โปรยน้ำแก้ฝุ่น

นายกรัฐมนตรีห่วงประชาชนในภาคเหนือ สั่งกองทัพอากาศจัด ฮ. โปรยน้ำแก้ฝุ่นละออง PM 2.5 ลดผลกระทบ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่พุ่งสูงขึ้น โดยวันที่ 13 มีนาคม ปริมาณ PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ 6 พื้นที่ ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.เมือง และ อ.แม่สาย) จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ (อ.เชียงดาว) จ.พะเยา และ จ.แพร่ มีกลุ่มหมอกควันหนาแน่นปกคลุม นอกจากนี้ พบจุดความร้อนจำนวนมากในจังหวัดทางภาคเหนือ รวมไปถึงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาป่าทั้งในไทยและในประเทศเพื่อนบ้าน

คาดว่าวันนี้ (14 มี.ค.) ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในภาคเหนือมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอากาศไม่ยกตัว การระบายฝุ่นอยู่ในระดับค่อนข้างน้อยถึงปานกลาง จนอาเซียนได้ประกาศยกระดับปัญหาหมอกควันข้ามแดน และเร่งหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาตามกลไกของข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ภายใต้สถานการณ์ระดับ 3 (สถานการณ์วิกฤต) โดยประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง จะต้องรายงานสถานการณ์และผลการดำเนินงาน ภายใน 11.00 น. ของทุกวัน และรณรงค์ประชาสัมพันธ์งดการเผาป่า

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง PM 2.5 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานสนธิกำลังกัน เร่งเข้าควบคุมและดับไฟอย่างเต็มที่ และเฝ้าระวังการเกิดไฟในพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวด เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน และยังได้สั่งการให้กองทัพอากาศจัดเฮลิคอปเตอร์ขึ้นโปรยน้ำ เพื่อขจัดฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดเฮลิคอปเตอร์สนับสนุนการดับไฟป่าบนยอดเขาสูง พร้อมมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) จัดชุดสนับสนุนในพื้นที่ 5 จังหวัด 105 ชุด รวม 807 คน เพื่อให้การช่วยเหลือในเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนนี้

นอกจากนี้ นายกฯ กำชับให้ดำเนินมาตรการการดูแลสุขภาพประชาชน เช่น การจัด safety zone และการส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย