ส่องมาตรการรัฐบาลทั่วโลกในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา
ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หลายประเทศทั่วโลกต่างก็ระดมทรัพยากรของตัวเองมาหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสที่ในตอนนี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 140,000 รายและเสียชีวิตกว่า 5,000 รายทั่วโลก ซึ่งวิธีการรับมือของแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันออกไป และได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน วันนี้ Sanook จึงขอรวบรวมมาตรการป้องกันและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดมาฝาก เพื่อดูวิธีการจัดการที่รัฐบาลของแต่ละประเทศใช้เพื่อจัดการปัญหาโรคระบาดและดูแลประชาชนของตัวเอง
จีน
ประเทศจีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 80,000 ราย และเสียชีวิตถึง 3,100 ราย ตั้งแต่การอุบัติขึ้นของไวรัสโคโรนาที่เมืองอู่ฮั่นในเดือนธันวาคม 2562 ประชาชนในอู่ฮั่นและในมณฑลหูเป่ยถูกสั่งให้กักตัวเองอยู่ในบ้านเป็นเวลานานกว่า 50 วัน ซึ่งนโยบายนี้ออกมาเพื่อควบคุมการเดินทางของประชาชนที่มีมากกว่า 10 ล้านคน
ประชาชนคนหนึ่งในอู่ฮั่นได้เขียนเรื่องราวของตัวเองที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ถูกปิดตายตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ว่า “เป็นสถานการณ์ที่ทุกข์ทรมานมาก” การปิดตายเมืองอู่ฮั่นถูกประกาศอย่างฉุกเฉินก่อนเทศกาลตรุษจีน จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ในเมืองแทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัวใด ๆ ทั้งสิ้น
มาตรการปิดเมืองเริ่มเข้มงวดมากขึ้นในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว โดย Emily Feng จากสำนักข่าว NPR ได้รายงานว่า เขตการปกครองมณฑลหูเป่ยประกาศให้ประชาชนกักตัวเองอยู่ในที่พักอาศัยตลอดเวลาและต้องขออนุญาตก่อนออกจากที่พักมีการประกาศงดการใช้พาหนะส่วนตัว ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องทำหน้าที่ขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภคและยาต่าง ๆ ไปมอบให้กับประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ต้องพึ่งพิงบริการเดลิเวอรีเพื่อจัดส่งอาหารและของใช้จำเป็น ในขณะที่โรงพยาบาลก็ใช้บริการการจัดส่งสินค้าเพื่อขนส่งยารักษาโรค และคนขับจะสวมใส่ชุดป้องกันเชื้อโรคเสมอ
“ประชาชนจะได้รับเงินรางวัลตอบแทนสำหรับการรายงานว่ามีใครที่ไม่ทำตามคำสั่งกักตัวบ้าง” Feng รายงาน “วิธีการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของการควบคุมทางสังคม (Social control) ที่ในตอนนี้เปลี่ยนขยับเป็นระดับที่ใหญ่มากเป็นประวัติการณ์”
การสั่งปิดเมืองในมณฑลหูเป่ยทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดน้อยลง แต่มาตรการในลักษณะนี้อาจไม่สามารถใช้ได้ในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งคุณหมอ Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกาชี้ว่า มาตรการของประเทศจีนส่งผลให้การแพร่กระจายของโรคไม่เลวร้ายจนเกินไป แต่ก็ยอมรับว่าวิธีการดังกล่าวจะไม่สามารถนำไปใช้ในสังคมอเมริกันได้
อิตาลี
ประเทศอิตาลีมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งสูงกว่า 15,000 ราย และเสียชีวิตแล้วกว่า 1,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และตัวเลขของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศมาตรการพิเศษเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่เริ่มระบาดในอิตาลีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยนาย Giuseppe Conte นายกรัฐมนตรีของอิตาลี ประกาศให้ประเทศเป็น “พื้นที่สีแดง” หมายความว่าคนทั่วไปควรอยู่ในที่พักอาศัยเท่านั้น เว้นแต่จะออกมาเพื่อทำงานหรือมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การรวมกลุ่มในที่สาธารณะถูกสั่งห้าม รวมไปถึงการเดินทาง ทั้งนี้ การจัดแข่งกีฬาในประเทศก็ถูกเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 3 เมษายน 2563 ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ของคอลูกหนังในประเทศอิตาลี พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรี Conte ก็ได้ขอให้ชาวอิตาเลียนเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตเพราะตัวเลขของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่พุ่งสูงขึ้น
“ภายใต้สโลแกนที่ว่า ‘ฉันจะอยู่บ้าน (I’m staying home)’ นายกรัฐมนตรีชี้แจงให้ชาวอิตาเลียนทราบว่าในตอนนี้ สุขภาพของประชาชนทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เราต้องเสียสละ พร้อมกันนี้ยังบอกด้วยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวกำลังบีบระบบบริการสุขภาพของประเทศ” Sylvia Poggioli นักข่าวจากสำนักข่าว NPR รายงาน
ในเบื้องต้น เป้าหมายของอิตาลีคือการป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันของผู้คน พิพิธภัณฑ์ โรงหนัง และโรงละครทั้งหมดถูกสั่งปิดจนถึงวันที่ 3 เมษายน 2563 โรงเรียนและมหาวิทยาลัยก็ถูกสั่งปิด บาร์และร้านอาหารต้องปิดในเวลา 6 โมงเย็นทุกวัน ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตต้องปิดทำการในวันเสาร์อาทิตย์ การเดินทางข้ามเมืองจะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าบุคคลนั้นจะเดินทางโดยมีจุดประสงค์ในการทำงาน เพื่อสุขภาพ หรือมีเหตุฉุกเฉิน
มาตรการที่เข้มงวดถูกบังคับใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด และประชาชนชาวอิตาเลียนก็เคารพและทำตามมาตรการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
อิหร่าน
อิหร่านพบผู้ติดโรค COVID-19 แล้วกว่า 10,000 ราย และเสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 ราย ส่งผลให้การรวมตัวกันในที่สาธารณะ รวมถึงการละหมาดในวันศุกร์ในเมืองเตหะรานและตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศถูกยกเลิก โรงเรียนต่าง ๆ ถูกปิด และมีการทำความสะอาดระบบขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงสถานที่สาธารณะของประเทศ
ในวันพฤหัสบดี ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา Zavad Jarif รัฐมนตรีการต่างประเทศของอิหร่านได้ทวีตว่า “มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดซึ่งรวมไปถึงการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศจะถูกบังคับใช้” และก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เขาก็ได้ร้องขอสิ่งของจำเป็นให้กับประเทศอิหร่าน ทั้งหน้ากากอนามัย ชุดตรวจโรค และชุดสวมป้องกัน โดยนาย Jarif ได้กล่าวหาว่าสหรัฐอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ชาวอิหร่านบางส่วนได้ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยเรื่องการแพร่ระบาดของโรคจนกระทั่งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งรัฐสภา อย่างไรก็ตาม หนึ่งในที่ปรึกษาผู้นำสูงสุดของอิหร่านอย่างนาย Ayatollah Ali Khamenei วัย 71 ปี ก็ติดเชื้อไวรัสโคโรนาและเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้
เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 7,900 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 70 ราย อย่างไรก็ตาม ประชาชนในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศได้รับคำแนะนำให้อยู่ในที่พักอาศัย สำนักงานบางแห่งถูกปิด และกิจกรรมต่าง ๆ ก็ถูกเลื่อนออกไป ทั้งนี้ โรงเรียนทั่วประเทศถูกสั่งปิดไปจนถึงวันที่ 22 มีนาคม
การระบาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอยู่ในเมืองแดกู ซึ่งมีผู้ป่วยมากกว่าสามในสี่ของผู้ป่วยทั้งประเทศ โดยคุณหมอ Lee Jun Yeup ผู้อำนายการสื่อสารของสมาคมการแพทย์แดกูได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมืองแดกูในขณะนี้เหมือนอยู่ในภาพยนตร์ไวรัส เพราะถนนหนทางโล่งไปหมด ร้านอาหารและร้านขายของปิด และประชาชนก็กักตุนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาไว้ เพราะไม่เพียงแต่สินค้าและอาหารอื่น ๆ กำลังขาดแคลน แต่ประชาชนพยายามหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านด้วยเช่นกัน
การขาดแคลนการคัดแยกผู้ป่วยอย่างเหมาะสมก็ทำให้ระบบโรงพยาบาลในแดกูประสบปัญหาผู้ป่วยอาการไม่หนักล้นโรงพยาบาล โดยในวันศุกร์ที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ป่วยกว่า 1,800 คน หรือคิดเป็น 40% ของผู้ป่วยในแดกูทั้งหมด ต้องอยู่บ้านเพื่อรอเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการรอถึง 2 คน
อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง จึงถูกยกให้เป็นต้นแบบของการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา โดยทั่วประเทศมีจุดตรวจสแกนผู้ป่วยแบบ drive-through กว่า 50 จุด ซึ่งประชาชนสามารเข้าไปขอรับการตรวจหาเชื้อไวรัส และใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้เกาหลีใต้สามารถตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อได้มากกว่า 15,000 รายในแต่ละวัน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้ส่งเสริมและช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศ โดยสนับสนุนให้นายจ้างยืดหยุ่นเวลาทำงานให้กับพนักงานที่มีลูกและต้องหยุดเรียน
สเปน
สเปนมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว 4,200 รายและเสียชีวิตว่า 120 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองมาดริด เมืองบาสก์ และลาริโอฆา ทำให้ผู้มีอำนาจในเมืองดังกล่าวสั่งปิดทุกโรงเรียน มหาวิทยาลัย และศูนย์รับเลี้ยงเด็กเป็นเวลาสองสัปดาห์ เที่ยวบินจากประเทศอิตาลีและสเปนถูกเลื่อนออกไป พร้อมกับยกเลิกการรวมตัวกันในที่สาธารณะของประชาชนในสามเมืองใหญ่ข้างต้น การแข่งขันฟุตบอลลาลิกาของสเปนก็จะจัดแข่งขันโดยไม่มีผู้ชมเป็นเวลาสองสัปดาห์
Salvador Illa รัฐมนตรีสาธารณสุขของสเปนเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ ลดเวลาการทำงานและการเดินทางลง พร้อมกับสนับสนุนให้มีการทำงานจากที่บ้าน
“มาตรการดังกล่าวไม่เป็นที่พอใจและทำลายชีวิตปกติของประชาชนหลายคน แต่ในตอนนี้ เราต้องใช้มาตรการเหล่านี้เพราะมันจำเป็น” Illa ให้สัมภาษณ์
นอกเหนือจากในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคแล้ว อีเวนต์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก เช่น เทศกาลเผาหุ่นลาสฟายาส (Las Fallas) ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่ในวาเลนเซียที่ดึงดูดผู้คนได้อย่างมหาศาลก็ยังยืนยันกำหนดการเดิม
ฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศสมีจำนวนผู้ติดโรค COVID-19 แล้วกว่า 2,800 ราย และเสียชีวิตแล้วกว่า 60 ราย ส่งผลให้รัฐบาลต้องสั่งห้ามการรวมตัวกันมากกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ ยกเว้นการเดินทางด้วยระบบสาธารณะ ปารีสมาราธอนและการแข่งรักบี้ Six Nations กับไอร์แลนด์ก็ถูกเลื่อนไปเป็นเดือนตุลาคมแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในพื้นที่ที่มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ได้แก่ จังหวัดมอร์บีอ็อง จังหวัดโอต-ซาวัว จังหวัดอวซ และจังหวัดโอ-แร็ง
ประธานาธิบดี Emmanuel Macron แนะนำให้ประชาชนทั่วประเทศงดเว้นการไปเยี่ยมผู้สูงอายุเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อให้กับกลุ่มบอบบาง
โรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดอวซและจังหวัดโอ-แร็งถูกสั่งปิด อย่างไรก็ตาม Jean-Michel Blanquer รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาของฝรั่งเศสชี้ว่ารัฐบาลไม่ต้องการใช้วิธีการปิดโรงเรียน
“เราไม่คิดว่ามันเป็นวิธีการที่เหมาะสมในกรณีของประเทศฝรั่งเศส” Blanquer กล่าว “หากคุณเป็นพยาบาลที่มีลูก และคุณต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เช่นนั้นคุณก็ไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ”
ฝรั่งเศสยังได้สั่งให้เก็บหน้ากากอนามัยทุกชิ้นไว้ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยโรค COVID-19 เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้ลดราคาน้ำยาล้างมือด้วยเช่นกัน
เยอรมนี
ประเทศเยอรมนีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วกว่า 3,000 รายและเสียชีวิตแล้ว 7 ราย
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศได้ขอให้มีการยกเลิกกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้คนต้องมารวมตัวกันมากกว่า 1,000 คนและได้รับความร่วมมือจากหลายเมืองทั่วประเทศ เช่น ในเมืองบาวาเรียทางตอนใต้ของประเทศ ได้สั่งยกเลิกงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่จะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน และระงับงานอีเวนต์ที่อาจมีเข้าร่วมมากกว่า 500 คน
“สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ เราทุกคนต้องปลอดภัยเอาไว้ก่อน แม้จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็ตาม” Jens Spahn รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขได้เขียนเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ Bild “การจำกัดการใช้ชีวิตในที่สาธารณะไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย ที่สาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย และมันยังคงเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ต้องระวังตัวและรอบคอบ”
เบอร์ลินได้สั่งยกเลิกทุกการแสดงในโรงโอเปร่า โรงละคร และสถานที่จัดคอนเสิร์ต ในขณะที่ลีกการแข่งขันฟุตบอลของเยอรมนี อย่างบุนเดสลีกา ได้ประกาศเป็นครั้งแรกว่าการแข่งขันฟุตบอลจะจัดขึ้นโดยไม่มีแฟนบอลเข้าร่วมชมการแข่งขันในสนาม
สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วกว่า 1,600 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อไวรัสใน 37 รัฐและในวอชิงตัน ดี.ซี.
รัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่ออกประกาศมาตรการระดับประเทศในการป้องกับการแพร่เชื้อ นอกจากการสั่งห้ามผู้เดินทางจากยุโรปเข้าสหรัฐฯ 30 วัน รวมไปถึงประเทศเสี่ยงประเทศอื่น แต่ในรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศก็ได้มีการประกาศใช้มาตรการป้องกันการแพร่เชื้อของตัวเองแล้ว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Andrew Cuomo ผู้ว่ารัฐนิวยอร์กได้ประกาศ “พื้นที่เสี่ยง” ซึ่งอยู่ในรัศมีหนึ่งไมล์จากเมือง New Rochelle ในเขต Westchester County กองกำลังแห่งชาติ (The National Guard) ถูกสั่งให้ลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชนในที่พักอาศัยและทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ โรงเรียน โบสถ์ และพื้นที่ส่วนกลางของชุมชนในรัศมีดังกล่าวถูกสั่งปิด โดยมาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี ที่ 12 มีนาคม เป็นต้นไป
Santa Clara County รัฐแคลิฟอร์เนียสั่งห้ามการทำกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันมากกว่า 1,000 คนขึ้นไป โดยเจ้าหน้าที่ประจำเมืองได้เตือนว่า ผู้ใดที่ขัดคำสั่งดังกล่าวอาจได้รับโทษ ทั้งนี้ ยังสั่งปิดบางโรงเรียนในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อหรือคาดการณ์ว่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อ ในขณะที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศก็ได้ทำการยกเลิกการเรียนการสอนไปบ้างแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์ ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าเขาจะขอให้รัฐสภาผ่านร่างการลดภาษีเงินเดือนเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรค COVID-19
ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 1,400 ราย และเสียชีวิตแล้ว 28 ราย โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นประกาศมาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งห้ามผู้เดินทางจากจีนและเกาหลีใต้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม วีซ่าสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นยังไม่สามารถใช้ได้ ส่วนคนที่มาจากประเทศดังกล่าวและอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว จะต้องกักตัวเอง 14 วัน
เกาหลีใต้มีปฏิกิริยาตอบกลับการประกาศดังกล่าวด้วยการประกาศมาตรการแบบเดียวกัน คือสั่งห้ามผู้เดินทางจากญี่ปุ่นเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังไม่ได้ประมาศมาตรการสั่งห้ามผู้เดินทางจากอิตาลีเข้าประเทศ
สถานการณ์โรค COVID-19 ในญี่ปุ่นอาจเลวร้ายลง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเตือนให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงมากขึ้น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า การระบาดของโรคในญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ระยะใหม่ ซึ่งทำให้ประเทศต้องมีมาตรการการรับมือที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม