เตรียมสอบ 'พ.อ. ส' เกี่ยวคดียิง สนธิ!! เผยรถ ดีเอสไอ ถูกใช้ลอบสังหาร
คดียิง"สนธิ"ยังไม่จับใครเพิ่ม เตรียมเรียกตัว"พ.อ. ส"มาสอบสวน ชี้มีสัมพันธ์กับลูกจ้างสาวรบพิเศษเจ้าของรถกระบะต้องสงสัย ดีเอสไอรับตรวจสอบพบรถของหน่วยงานพัวพันการลอบสังหาร ด้าน"อัศวิน ขวัญเมือง"ปฏิเสธเป็นไส้ศึก ส่วนผกก.ตำรวจน้ำต้นตอข่าวทีมสืบสวนถูกบีบ ที่แท้ต้องกลับไปทำงานในหน้าที่ที่ภาคใต้
คดียิงสนธิไม่คืบ"ธานี"ชี้ทำคดีต้องเชื่อหลักฐานไม่ใช่ความรู้สึกประชาชน
พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร (พธม.) ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า ยังไม่ได้เสนอขอออกหมายใครจับเพิ่มเติม เพราะพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ คดีมีคนลงมือหลายคน คนยิงมีรถ 2 คัน และยังมีที่อื่นอีก
อย่างไรก็ตาม การตามจับ 2 ผู้ต้องหา คือ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 และ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามหมายจับก่อนหน้านี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
พล.ต.อ.ธานียังปฏิเสธกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ในทำนอง พล.ต.อ.ธานีรู้ตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังแล้วว่า ที่นายกรัฐมนตรีพูดก็เป็นไปตามที่นายกฯพูด ส่วนเรื่องคนบงการ ตอนนี้ในการสืบสวนยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บงการ
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนบางสำนัก ไม่เชื่อมั่นผู้ถูกออกหมายจับทั้งสองเป็นตัวจริงนั้น เป็นเพราะประชาชนไม่เห็นพยานหลักฐาน เป็นเรื่องความรู้สึก จะเอาที่ประชาชนเชื่อมั่นไม่ได้ ต้องทำตามพยานหลักฐาน และจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาแฉให้ประชาชนดูก็คงทำไม่ได้ ทั้งนี้ การทำงานนี้ ยืนยันไม่มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ได้ขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาและยังไม่มีการปรับทีมทำงาน ใครอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ
"ดีเอสไอ"รับมีรถของหน่วยงานพัวพันคดี
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ได้รับหนังสือจากหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิ เพื่อขออนุญาตสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ทะเบียน สษ 1785 กรุงเทพฯ โดย พ.ต.อ.ทวี ได้มอบหมายให้ตนตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวใช้ปฏิบัติราชการในดีเอสไอจริง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดการใช้งานของสำนักงานเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ จะรายงานให้ทราบภายในวันที่ 22 กรกฎาคม จากนั้นจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนต่อไป เชื่อว่าจะสามารถนัดหมายพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวทั้งหมดมาให้รายละเอียดได้
พ.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า หนังสือที่ได้รับจากพนักงานสอบสวนระบุเพียงว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดียิงนายสนธิ แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่า กระทำความผิดอย่างไร เมื่อใดและที่ใด และขออนุญาตสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์คันดังกล่าว ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะนัดพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว
"อัศวิน"ปัดไม่ได้เป็นไส้ศึกในทีมสืบสวน
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ในสายงาน ของ พล.ต.อ.ธานี ดูแลการทำงานในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อ พล.ต.อ.ธานีสั่งอะไรเกี่ยวกับคดีลอบสังหารนายสนธิลงมาก็มีหน้าที่ปฏิบัติตาม
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า เมื่อออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว เชื่อว่าเป็นตัวจริง มีหน้าที่ติดตามจับกุม ไม่ทราบว่ามีการติดต่อเข้ามอบตัวหรือไม่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กบดานอยู่ จ.อุดรธานี แนวทางการสืบสวนเชื่อว่าหลบหนีอยู่ภาคใต้ รายละเอียดต่างๆ ขอให้ไปสอบถามพนักงานสอบสวนเพราะตอนประชุมออกหมายจับก็ไม่ทราบรายละเอียด ไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไร ทราบจากสื่อเท่านั้น แต่เชื่อในการทำงานของทีมพนักงานสอบสวน และผู้ต้องหามีอีกหลายคน
เมื่อถามว่ามีหลักฐานชัดเจนเพียงไรว่า จ.ส.ต.ปัญญา และ ส.ต.อ.วรวุฒิ เกี่ยวข้องในการวางแผนลอบสังหารนายสนธิ พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า ชัดเจนแล้วถึงออกหมายจับ เรื่องนี้ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใน 5-10 วัน ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไร และมีความชัดเจนเพียงไร จึงออกหมายจับ
พล.ต.ท.อัศวินกล่าวถึงกระแสข่าว "พ.อ. ส" เป็นผู้บงการคดีนี้ว่า ไม่ทราบ แต่คนบงการต้องเป็นคนที่ไม่พอใจนายสนธิ ทั้งนี้ ไม่ชัดเจนว่าเป็นการลงขัน แต่ความคืบหน้าของคดีต้องถาม พล.ต.อ.ธานี ถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้องชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีคนสงสัยว่า พล.ต.ท.อัศวินเป็นไส้ศึก เนื่องจากที่ผ่านมาหยุดการสืบสวนไป พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า ไม่ได้หยุด เรื่องไส้ศึกนั้นก็ไม่ทราบ เรารู้แค่ไหนก็พูดไปแค่นั้น ที่ผ่านมา ท่านธานีก็ไว้ใจให้ทำงานเพราะกว่าจะมีการออกหมายจับได้นั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการทำงานในชุดของผม ชุดของผมทำงานไป ไม่เคยถูกข่มขู่ ไม่มีการสั่งเบรกจากใคร
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) หนึ่งในชุดสืบสวนกลับต้นสังกัด ซึ่ง พ.ต.อ.วิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับเทคนิคการแกะรอยโทรศัพท์ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า พ.ต.อ.วิวัฒน์ เป็นส่วนหนึ่งในทีมสืบสวน เมื่อถูกย้ายกลับต้นสังกัด ก็มีคนอื่นทำงานได้ อย่างทีมของตนก็มี พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รอง ผบก.จตร. หรือ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร. ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว และรายงานให้ พล.ต.อ.ธานีทราบตลอด
เผยตัวผกก.ตำรวจน้ำมีข่าวถูกบีบออกจากทีมสืบสวน
ข่าวแจ้งว่า สำหรับ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) มีภรรยาเป็นเพื่อนสนิทกับเลขานุการคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รับผิดชอบพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการแกะรอยโทรศัพท์ จึงถูกดึงมาร่วมงานในทีมสืบสวนตั้งแต่เริ่มคดี โดยนำกล้องทีวีวงจรปิดที่บันทึกภาพรถยนต์ต้องสงสัยเป็นพาหนะที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจสอบ ประกอบกับใช้เทคนิคสแกนการใช้โทรศัพท์ในห้วงเกิดเหตุจนสามารถประมวลภาพได้ ไล่เรียงตั้งแต่จุดรวมพลก่อนลงมือ จุดเกิดเหตุ เส้นทางหลบหนีหลังลงมือเสร็จ และจุดรวมพล จุดเปิดโรงแรมที่พักสำรองในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นแนวทางในการสืบสวนที่เดินหน้าอย่างรวดเร็วและแนวทางสืบสวนพอจะรู้กลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนรับช่วงต่อ
โดยทีมสอบสวนพยายามหาพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมทั้งปืนของกลาง พยานบุคคล เนื่องจากขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดเสียไม่สามารถบันทึกรถต้องสงสัย หรือมือปืนที่ก่อเหตุได้ ระหว่างนั้น พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน จะจัดสัมมนาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ร่วมกับหน่วยงานข้างเคียงในการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.วิวัฒน์จึงออกคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ กลับที่ตั้งเพื่อเตรียมข้อมูล
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.วิวัฒน์นั้นมีความสนิทสนมกับหน้าห้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากประเทศอังกฤษด้วยกัน จึงไปปรึกษาหารือกับเพื่อน จนนำไปสู่ข่าวลือว่ามีการบีบชุดสืบสวนออกจากคดีนี้
เผย"พ.อ. ส"สนิทสนมกับลูกจ้างสาวรบพิเศษเจ้าของรถกระบะต้องสงสัย
ส่วน "พ.อ. ส" ที่ถูกจับตามองในฐานะผู้บงการนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับ น.ส.รัศมี เมฆชัย เจ้าของรถโตโยต้า ไฮลักซ์ ทะเบียน ษธ 1474 ลพบุรี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงความเห็นว่าเป็นพาหนะที่ถูกทีมสังหารนายสนธินำมาใช้ และเป็นชักจูง น.ส.รัศมี เข้ามาทำงานในหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวตอบคำถามถึงกระแสข่าวตำรวจเตรียมนำตัว พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรองเสนาธิการ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มาสอบสวนว่า เรื่องนี้ควรเป็นไปตามพยานหลักฐาน เมื่อถามว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับ พ.อ.สุนัยชัดเจนหรือไม่ นายสุเทพกล่าวย้ำว่า ให้ว่าไปตามพยานหลักฐาน