“พวกคุณไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น” เสียงจากอิตาลีถึงคนทั่วโลก ในสถานการณ์ “ไวรัสโคโรนา”
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อบัญชี r/GlobalTalk ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงการกักตัวของประชาชนชาวอิตาลีในช่วงการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา โดยกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าเลวร้าย แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือการที่ผู้คนในประเทศอื่นๆ ทำราวกับว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง จึงขอเล่าถึงสถานการณ์ที่พลิกผันในอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
r/GlobalTalk เล่าถึงระดับความตระหนักในอันตรายของไวรัสโคโรนาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอิตาลี โดยแบ่งออกเป็น 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1
คุณรู้ว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสรายแรกอยู่ในประเทศ แต่คิดว่าไม่น่ากังวล มันก็เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ และฉันอายุไม่ถึง 75 ปี ฉันไม่เป็นไรหรอก คนอื่นๆ ก็ตื่นตูมกันเกินไป ทำไมต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือกักตุนกระดาษทิชชู ก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ ไม่เห็นต้องตื่นตระหนกเลย
ขั้นที่ 2
มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น รัฐบาลประกาศ “พื้นที่สีแดง” สั่งปิดเมือง 1 – 2 เมือง ที่มีการพบผู้ป่วยรายแรกๆ แล้วก็มีผู้ติดเชื้อหลายราย คุณมองว่ามันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าและก็น่ากังวลนิดหน่อย แต่รัฐบาลก็เอาอยู่ ไม่มีอะไรต้องวิตก มีคนตายบ้าง แต่ก็มีแต่คนแก่และคนที่ป่วยอยู่แล้ว สื่อก็แค่สร้างกระแสเรียกยอดวิว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ คนอื่นๆ ก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ ฉันก็ยังออกจากบ้านไปเจอเพื่อนๆ ไม่ติดโรคหรอก ทุกคนสบายดี
ขั้นที่ 3
จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แทบจะเป็น 2 เท่าต่อวัน มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น มีการประกาศพื้นที่สีแดงและปิดเมืองมากขึ้นใน 4 ภูมิภาค ที่มีการยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อ ดังนั้น ประชากร 1 ใน 4 ของอิตาลีต้องกักตัว โรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิด แต่บาร์ ร้านอาหาร และออฟฟิศยังคงเปิดทำการอยู่
สื่อลงข้อมูลเรื่องการประกาศปิดเมืองล่วงหน้า ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สีแดงต้องรีบเดินทางออกจากเมือง เพื่อกลับภูมิลำเนาของตัวเอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ประชากรส่วนใหญ่ที่เหลือ 3 ใน 4 ของประเทศ ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มที่ต้องกักตัวด้วย คนเหล่านี้ยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ แม้ว่าจะมีการย้ำเตือนให้ล้างมือและจำกัดการเดินทางออกนอกบ้านในสื่อต่างๆ แทบทุก 5 นาที แต่ผู้คนก็ยังไม่ใส่ใจ
ขั้นที่ 4
จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง โรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกแห่งปิดทำการเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และนี่ถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพ โรงพยาบาลรับผู้ป่วยเต็มอัตรา แผนกต่างๆ ถูกเคลียร์เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา แพทย์และพยาบาลมีไม่เพียงพอ จนต้องเรียกตัวแพทย์และพยาบาลที่เกษียณอายุไปแล้ว รวมทั้งนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาลที่ใกล้จบการศึกษามาช่วย ไม่มีการเปลี่ยนกะ ทุกคนทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าแพทย์และพยาบาลก็ติดเชื้อด้วย และยังแพร่เชื้อไปยังครอบครัวและคนอื่นๆ
ผู้ป่วยหลายคนเป็นโรคปอดอักเสบ หลายคนต้องเข้าไอซียู แต่ไม่มีพื้นที่มากพอที่จะรองรับผู้ป่วยทั้งหมด ตอนนี้เหมือนกับอยู่ในสงคราม แพทย์ต้องเลือกที่จะรักษาผู้ที่มีโอกาสรอดชีวิตก่อน นั่นหมายความว่า ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงจะไม่ได้รับการดูแล เพราะแพทย์ต้องไปรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาก่อน ทรัพยากรในการทำงานมีจำกัด ดังนั้น พวกเขาต้องใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ที่สุด
คนตายเพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอ ฉันมีเพื่อนที่เป็นแพทย์ เขาโทรมาร้องไห้กับฉัน เพราะว่าต้องปล่อยให้คนตาย 3 คน พยาบาลก็ร้องไห้เพราะต้องเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้ออกซิเจน ญาติคนหนึ่งของเพื่อนเสียชีวิตเมื่อวาน เพราะไม่ได้รับการรักษา นี่คือความโกลาหล ระบบกำลังล่มสลาย ไวรัสโคโรนาและภาวะวิกฤตเป็นสิ่งที่คุณจะได้ยินทั่วไป
ขั้นที่ 5
เนื่องจากคนจากพื้นที่สีแดง 10,000 คน กระจายตัวไปทั่วอิตาลี ทำให้รัฐบาลต้องประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศกักตัว เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คนยังเดินทางไปทำงาน ซื้อของ ซื้อยา และธุรกิจต่างๆ ยังคงเปิดทำการอยู่ เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจล่ม (ซึ่งมันล่มไปแล้ว) แต่คุณก็ยังไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ นอกจากจะมีเหตุอันควร ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามา มีคนใส่หน้ากากและถุงมือเต็มไปหมด แต่ก็ยังมีคนที่คิดว่าตัวเองจะรอด โดยไปกินข้าวเป็นกลุ่มใหญ่หรือออกไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อน
ขั้นที่ 6
มีการประกาศให้ธุรกิจส่วนใหญ่ปิดทำการ ไม่ว่าจะเป็นบาร์ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ ยกเว้นซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยา คุณสามารถเดินทางได้ต่อเมื่อมีเอกสารรับรอง ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุชื่อ ที่อยู่ สถานที่ที่จะไป และเหตุผลในการเดินทาง มีด่านตรวจของตำรวจ หากพบว่าคุณออกนอกบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร คุณอาจจะต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 206 ยูโร และหากคุณเป็นผู้ป่วยด้วย คุณอาจจะต้องถูกจำคุก 1 – 12 ปี เท่ากับคดีฆาตกรรม
นี่คือสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ 12 มี.ค. โปรดจำไว้ว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น โดยจากระดับ 3 ถึง 6 ใช้เวลา 5 วัน
ผู้ใช้บัญชีดังกล่าวว่า ความรุนแรงของสถานการณ์ไวรัสโคโรนานี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวไวรัส แต่เป็นผลที่ตามมาจากการระบาด จึงพยายามเตือนประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่มีมาตรการป้องกันอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งระบุว่ารัฐบาลอิตาลีก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่านโยบายจะเข้มงวด แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อหยุดการแพร่ระบาด โดยมองว่า นโยบายที่เคร่งครัดนี้สามารถใช้ได้ผลในประเทศจีน ตนก็หวังว่าจะได้ผลกับอิตาลีด้วย
เนื่องจากข้อความนี้ถูกระบุว่า “ยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริง” ผู้โพสต์จึงแนะนำให้ตรวจสอบโดยการพูดคุยกับชาวอิตาเลียนคนอื่นๆ และย้ำให้ทุกคนที่ได้อ่านข้อความหันมาป้องกันตัวเองในขณะที่ยังทำได้ โดยการเก็บตัวอยู่ในบ้าน ตามแคมเปญรณรงค์ให้ผู้คนเก็บตัวอยู่ที่บ้านของอิตาลี อย่าง #iorestoacasa หรือ “ฉันจะอยู่ที่บ้าน” (I stay home.)
“วิธีการที่ดีที่สุดในการหยุดการระบาด คือลดการสัมผัสระหว่างมนุษย์ และถ้าเป็นไปได้ จงอยู่บ้าน!” เจ้าของโพสต์ทิ้งท้าย