"แมทธิว ดีน" อัปเดตสภาพร่างกายและจิตใจ ภาพล่าสุดในห้องรักษาโควิด-19

แมทธิว ดีน ได้ออกมาโพสต์คลิปพูดขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งถึงตนเองและ  ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ จากทุกช่องทาง รวมถึงได้อัปเดตทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย ณ ปัจจุบัน ให้ทุกคนได้ทราบ

หลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมาเกือบอาทิตย์แล้วนั้น  

โดย แมทธิว อัดคลิปพูดหลายนาที และยังได้ถ่ายภาพให้ดูบรรยากาศภายในห้องที่นอนรักษาตัวให้ดูด้วย

สำหรับภาพล่าสุดในวันนี้ (19 มี.ค.) แมทธิว ได้เล่าทุกอย่างไว้ละเอียดทั้งเรื่องของการรักษาและสภาพจิตใจ รวมถึงความเจ็บปวดที่หลายคนอยากรู้ว่ามากแค่ไหนสำหรับคนที่ติดเชื้อโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา

"ตลอดเวลาที่นอนโรงพยาบาลอาการคือเหมือนตั้งแต่แรกคือมันไม่ได้รู้สึกหนักมาก เหมือนเป็นไข้หวัด ปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง ปวดๆ เมื่อยๆ เหมือนคนอยากนวด คัดจมูก เหมือนเป็นหวัดประมาณนี้ พอเริ่มมีไข้ก็ไปหาหมอ ซึ่งทุกคนก็ควรทำแบบนี้ ถ้ายังไม่เคยตรวจ หรือตรวจแล้วอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไปปรึกษาแพทย์อีกรอบ เพราะไข้จะเป็นตัวชี้ที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่ง 

แมทธิว เป็นไข้ประมาณวันกว่าๆ พอเข้าโรงพยาบาลก็เริ่มหาย เริ่มไม่มีไข้ ประมาณ 3-4 วัน ทุกคนก็ดีใจด้วย แต่ผมไม่อยากดีใจมาก เพราะโรคนี้เป็นโรคใหม่ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และหลังจากไม่มีไข้มา 4 วันมันก็กลับมาจริงๆ ซึ่งก็ตกใจ เลยมีการคุยว่าจะเริ่มให้กินยาหลายตัว เพื่อจะขับไล่ออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ถ้าปล่อยไปอาจจะออกเอง แต่อาจจะนานมากๆ และถ้าปล่อยไปก็ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง 

กินยาประมาณสี่ตัว ซึ่งเป็นสูตรมาตรฐานที่คนทั่วโลกกินกันตอนนี้ที่คิดว่าดีที่สุดในการรักษาโควิด-19  ซึ่งยาค่อนข้างแรง ทำให้เมื่อคืนหลับไม่ค่อยลง แต่ก็รู้สึกว่าไข้ดีขึ้นเป็นช่วงๆ และกินยาชุดต่อไป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความเจ็บความทรมานของโรคนี้มีขนาดไหน ซึ่ง แมทธิว บอกว่ายาก บางคนมีความอดทนไม่เท่ากัน แต่สำหรับตัว แมทธิว บอกว่าร่างกายมันไม่เท่าไหร่ แต่ที่กังวลคือความกังวลในความไม่รู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 และความกังวลนี้ก็ทำให้ความคิดมันไปไกลได้มากๆ

มันเจ็บใจเมื่อคิดถึงคนที่ติดจากเรา แฟนผม เสียงาน เสียรายได้ไปในช่วงนี้ คนที่มาเจอและอยู่ในความเสี่ยง คิดถึงครอบครัวที่อาจติดจากเราได้ มันกังวัลและเครียดสุดๆ กับการรอคอยที่ไม่มีคำตอบมันเป็นความเจ็บปวดมากที่สุด 

พอพ้นช่วงที่รู้ว่าทุกคนผลเป็นลบ มีแค่ลิเดียที่ติด สภาพจิตใจก็ดีขึ้นนึดนึง คิดถึงทุกคน อยากเจออยากกอด อยู่บนเตียงประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ ลุกไปแค่กินข้าว อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ

ความน่ากลัวของโรคนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่เท่าที่ฟังคุณหมอและศึกษาเอง กับโรคที่ตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนและการรักษาที่ชัดเจน ให้ทำตามที่คนแนะนำกันคือเลี่ยงสถานที่ที่คนอยู่มากมาย จะมีโอกาสทำให้เราติดแบบชัดเจนและไม่มีวันจบ ให้รวมตัวกันน้อยลง เจอกันน้อยลง 

เพราะฉะนั้นสถานที่บันเทิง การแข่งขันกีฬาต่างๆ ร้านอาหารใหญ่ ที่ติดได้ก็ขอให้ปิดหรือเลี่ยง เข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ต้องทำงานหาเงิน แต่ต้องใช้ความอดทน ให้คิดว่าถ้าเราไม่ทำและยังใช้ชีวิตปกติ สุดท้ายคนก็เป็นกันเยอะ เพราะฉะนั้นทำให้เร็วที่สุด รีบกลับมาฟื้นประเทศและโลก อยากให้มีจิตสำนึก  

และช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีคนที่ผ่านช่วงกักตัว 14 วันเยอะมาก ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งชะล่าใจกับโรคนี้ อย่าเพิ่งกลับไปใช้ชีวิตบนความเสี่ยง อย่าไปเจอจำนวนคนเยอะ ไม่ได้บอกให้ตกใจแต่อยากให้ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพื่อโรคนี้จะได้หายไป"