ประชาธิปัตย์ร้าว? เทพไท จี้ มัลลิกา ลาออก ปมกักตุนหน้ากาก จุรินทร์ ชี้หากไม่จริงให้ฟ้อง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค โดยยื่นผ่านเจ้าหน้าที่พรรค มีเนื้อหาเรื่องขอให้สมาชิกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลาออก โดยสืบเนื่องจากกระแสข่าวที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวหาว่า มีขบวนการทุจริตหน้ากากอนามัยเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหญิง เป็นที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในความหมายนั้น ทำให้คนส่วนใหญ่ในสังคมเข้าใจว่า น่าจะหมายถึงนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) เป็นการสร้างความเสียหายแก่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อโซเชียล และสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีมาตรฐานในการปฏิบัติกับสมาชิกพรรค ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกคน เมื่อถูกกล่าวหาว่ามีพฤฒิกรรมเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็จะต้องพิจารณาตัวเอง ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบในทันที เช่น.
1.กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับปลากระป๋องเน่าที่จังหวัดพัทลุง
2.กรณีนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถูกข้อกล่าวหาว่ามีเรื่องไม่มีความโปร่งใสในการจัดทำงบประมาณ
3.กรณีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถูก ปปช.ชี้มูลความผิดในคดีจัดซื้อรถดับเพลิง
ซึ่งสมาชิกพรรคทั้ง3คนนี้ ได้แสดงสปิริตทางการเมือง นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการรักษามาตรฐานทางการเมืองของพรรคไว้อย่างเคร่งครัด ที่ได้ยื่นหนังสือการลาออกจากตำแหน่งทันที โดยไม่มีการบีบบังคับใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าในภายหลังจะมีผลการสอบสวนว่า ไม่พบการกระทำความผิดก็ตาม แต่บุคคลเหล่านั้น ก็ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองให้สังคมเห็นเป็นประจักษ์มาแล้ว
สำหรับกรณีของนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อถูกข้อกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตหน้ากากอนามัย ของกระทรวงพาณิชย์ ขัดต่อข้อบังคับพรรคข้อ 115 พรรคต้องดำเนินการในมาตรฐานเดียวกับสมาชิกพรรคทุกคน เพื่อดำรงไว้ซึ่งจุดยืนของพรรคในการปฏิบัติต่อสมาชิกของพรรคอย่างเท่าเทียมกัน ในการนี้ จึงขอให้คณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งได้มีมติแต่งตั้งนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข เข้ารับตำแหน่งทางการเมือง ตามข้อบังคับพรรค ข้อ98และข้อ 99 ได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตามข้อบังคับพรรค ข้อ121 และมีมติให้นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไว้ก่อน ถ้าการสอบสวนได้ข้อยุติว่า ไม่มีความผิด ก็สามารถแต่งตั้งเข้าไปรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีได้อีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นความสง่างามของพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศ ชื่อเสียง อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
จุรินทร์ เผย แนะมัลลิกา หากไม่มีมูลความจริงให้ฟ้องกลับ
ขณะที่ นายจุรินทร์ เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนได้แนะนางมัลลิกาแล้วว่า หากไม่มีมูลความจริงก็ให้ไปดำเนินการแจ้งความกลับ ทั้งการหมิ่นประมาท และ ผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
มัลลิกา ส่งทนายแจ้งความ ปอท. เอาผิด อัจฉริยะ
ล่าสุด นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของนางมัลลิกา ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.แจ้งความดำเนินคดี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนกุล ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในการไลฟ์สดพาดพิง มัลลิกา บุญมีตระกูล ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายนิติธร กล่าวว่า นางสาวมัลลิกา ได้ประสานมายังสำนักทนายความให้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดนายอัจฉริยะ หลังจากมีการกล่าวพาดพิง นางสาวมัลลิกาในเพจ Facebook ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพและกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการกักตุนหน้ากาก ถึงแม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อและนามสกุล แต่ก็มีการกล่าวถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าถูกพาดพิงทำให้เสียหาย จึงมอบหมายให้ทนายความมาแจ้งความเอาผิด ส่วนเรื่องการหมิ่นประมาทก็จะแยกแจ้งความตามสถานีตำรวจพื้นที่ อีกต่างหาก
นายนิติธร ยังกล่าวยอมรับว่าคลิปเสียงที่มีการเผยแพร่ในเพจ Facebook ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นเสียงสนทนาของตนกับ นายอัจฉริยะ ที่มีการโทรศัพท์พูดคุยกันเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งในเนื้อหาไม่ได้เป็นการข่มขู่นายอัจฉริยะ แต่อย่างใด แต่เห็นว่าตนเองเคยทำงานและได้เคยรู้จักกับนายอัจฉริยะ เมื่อทราบเรื่องว่า นางสาวมัลลิกา จะแจ้งความดำเนินคดี จึงได้โทรแจ้งให้ นายอัจฉริยะ ทราบล่วงหน้า เท่านั้น พร้อมระบุ หากท้ายที่สุดแล้วผลการตรวจสอบเรื่องของการกักตุนหน้ากากอนามัย หากนางสาวมัลลิกา ผิดจริงทางทีมทนายความ ก็จะไม่ว่าความให้เช่นเดียวกัน