ศาลสั่งจำคุก 8 ปี "บรรยิน" คดีหุ้น "เสี่ยชูวงษ์" ขณะที่ 2 สาวคนสนิท โดน 4 ปี

ศาลสั่งจำคุก 8 ปี "บรรยิน" คดีหุ้น "เสี่ยชูวงษ์" ขณะที่ 2 สาวคนสนิท โดน 4 ปี

ศาลสั่งจำคุก 8 ปี "บรรยิน" คดีหุ้น "เสี่ยชูวงษ์" ขณะที่ 2 สาวคนสนิท โดน 4 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.305/2561 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง อายุ 57 ปี ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในฐานะผู้จัดการมรดกสามี กับครอบครัวของนายชูวงษ์ รวม 4 ราย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือ น้ำตาล อายุ 30 ปี อดีตพริตตี้คนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือ ป้อนข้าว (ชื่อปัจจุบัน น.ส.วัชรียา วัชรประยงค์วุฒิ หรือน้ำมนต์) อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่การตลาด หรือโบรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง, พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 57 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชาชน และ น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 56 ปี มารดาของ น.ส.อุรชา เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ลักทรัพย์ และรับของโจร กรณีปลอมเอกสารการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจำเลยที่ 1,2 และ 4 เดินทางมาศาลพร้อมทนาย ส่วนจำเลยที่ 3 ใช้วิธีอ่านคำพิพากษาด้วยการประชุมผ่านจอภาพจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าเอกสารใบคำถอนและโอนหลักทรัพย์ของบริษัทที่โอนหุ้นไปให้จำเลยที่ 1 รวมมูลค่า 228 ล้านบาทและจำเลยที่ 4 มูลค่า 35 ล้านบาท มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความ และไม่เป็นไปตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันยังมีการลบข้อความในสำเนาบัตรประชาชนของของนายชูวงษ์ ขณะเดียวกัน ตรวจสอบพยานบุคคล พยานเอกสาร และวัตถุพยาน พบว่า น.ส.กัญฐนา และ น.ส.อุรชา มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเป็นพิเศษกับ พ.ต.ท.บรรยิน มากกว่านายชูวงศ์ จึงไม่มีเหตุที่นายชูวงษ์จะโอนหุ้นจำนวนมากให้แก่ น.ส.กัญฐนา และจำเลยที่ 4 มารดาของ น.ส.อุรชา จำเลยที่ 2 ซึ่งไม่สามารถรับโอนหลักทรัพย์ได้เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ต้องให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้รับเงินแทน

นอกจากนี้ ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์และภาพจากกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่าง ๆ พบว่าจำเลยที่ 1-3 พบปะกันบ่อยครั้ง จึงเชื่อได้ว่าการโอนหุ้นที่เกิดขึ้น นายชูวงษ์ไม่มีส่วนรู้เห็น พิเคราะห์พยานหลักฐานเชื่อโดยปราศจากข้อส่งสัยว่าจำเลยที่ 1-3 กระทำผิดตามฟ้องจริงส่วนจำเลยที่ 4 ยังรับฟังไม่ได้ว่ามีส่วนร่วมในการปลอมใบคำขอโอนหลักทรัพย์และสำเนาบัตรประชาชนของนายชูวงษ์ พิพากษาจำคุก น.ส.กัญฐนา และ น.ส.อุรชา คนละ 4 ปี ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน จำคุก 8 ปี และพิพากษายกฟ้องน.ส.ศรีธรา จำเลยที่ 4

ด้านนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังจากต่อสู้คดีมานาน 4 ปี 9 เดือน ส่วนตัวรู้สึกว่าคดีค่อนข้างยืดเยื้อ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ไม่สั่งฟ้องคดี จนทำให้ครอบครัวต้องเป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องเอง จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าการพิจารณาดังกล่าวมีความเป็นธรรมหรือไม่ และหลังจากนี้ จำนำผลคำพิพากษาวันนี้ไปใช้ต่อสู้ในคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ และดำเนินการทางแพ่งในส่วนของหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 300 ล้านในคดีนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook