ทำความรู้จัก “ไข้หวัดแดด” ร้อนนี้ต้องระวังไม่แพ้โควิด-19
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤติไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ไปพร้อมๆ กับอุณหภูมิของอากาศที่กำลังสูงขึ้นทุกที ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อสุขภาพทุกปีในช่วงหน้าร้อน นั่นก็คือ “ไข้หวัดแดด” ที่จะทำให้เรารู้สึกไม่สบาย มีอาการไข้ขึ้นได้ ดังนั้น เรามาทำความรู้จักโรคไข้หวัดแดดและวิธีป้องกันสักหน่อย รวมไปถึงความแตกต่างของ 2 โรคนี้ เพื่อคลายความกังวลใจสำหรับใครที่อาจจะป่วยเป็นโรคไข้หวัดแดดได้ในช่วงหน้าร้อนนี้ จะได้แยกออกว่าแท้จริงแล้วร่างกายของเราไม่ได้ติดไวรัสโควิด-19
ไข้หวัดแดด (Summer Flu) เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่เข้าไปในขณะที่อากาศร้อนจัด พร้อมกับปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่สูงขึ้น การอยู่พื้นที่กลางแจ้งหรืออยู่ในสถานที่ที่อาจได้รับรังสีความร้อนนานเกินไป สภาวะที่มีลมหรือการระบายอากาศน้อย จึงทำให้ร่างกายปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน เมื่อร่างกายสะสมความร้อนไว้มากจึงทำให้เป็นโรคไข้หวัดแดดได้นั่นเอง
- ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นไข้หวัดแดด?
โรคไข้หวัดแดดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะเกิดขึ้นได้บ่อยกับผู้ทำงานกลางแดด, นักกีฬา, พนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานในห้องแอร์ และต้องออกไปเผชิญแดดร้อนจัดด้านนอกในบางเวลา, ผู้ที่ไม่ชินกับสภาพอากาศร้อนจัด รวมไปถึงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เป็นต้น
- อาการของผู้ป่วยไข้หวัดแดดเป็นอย่างไร?
- ตัวร้อน มีไข้ต่ำ แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ
- ครั่นเนื้อครั่นตัว
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ริมฝีปากแห้ง
- คอแห้ง แสบคอ แต่ไม่ถึงกับเจ็บคอ
- เบื่ออาหาร ขมปาก
- ระบบขับถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย ขับถ่ายไม่เป็นเวลา
- คลื่นไส้ อาเจียน
- นอนหลับไม่สนิท
- เป็นตะคริว
- บางรายอาจมีอาการตาแดง แสบกระบอกตา เนื่องจากร่างกายสะสมความร้อนไว้มากเกินไป
- ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดแดดกับโควิด-19
แม้ไข้หวัดแดดกับโควิด-19 จะมีอาการไข้ขึ้นตัวร้อนเหมือนกัน แต่เราสามารถสังเกตความแตกต่างของอาการในแต่ละโรคได้อย่างชัดเจน ดังนี้
อาการไข้หวัดแดด |
อาการโควิด-19 |
ตัวร้อน มีไข้ต่ำ แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส |
ตัวร้อน มีไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส |
คอแห้ง แสบคอ แต่ไม่ถึงขั้นเจ็บคอ |
เจ็บคอ ไอ |
ไม่มีน้ำมูกหรือมีแต่เล็กน้อยเท่านั้น |
มีน้ำมูกไหล |
ตาแดง |
ตาไม่แดง |
หายใจเป็นปกติ |
หายใจถี่และเหนื่อยหอบ |
- ป้องกันไข้หวัดแดดไม่ให้เกิดกับตัวเองได้อย่างไรบ้าง?
การป้องกันไข้หวัดแดดสามารถทำได้ง่ายมาก โดยไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน เช่น
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรือสภาวะอากาศร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด
- สวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีหรือเสื้อผ้าสีอ่อน
- หากอยู่ในสภาวะอากาศร้อนจัดและต้องการคลายความร้อน ไม่ควรรีบเดินเข้าห้องแอร์ทันที เพราะจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายปรับตัวไม่ทัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ท่ามกลางสภาวะอากาศร้อน
- รับประทานวิตามินซีหรือผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำที่เพียงพอในสภาพอากาศที่ร้อน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังรับประทานอาหาร รวมไปถึงหลังออกจากห้องน้ำด้วย
- รักษาตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นไข้หวัดแดด
ไข้หวัดแดดเป็นโรคที่รักษาได้ไม่ยากและสามารถรักษาด้วยตัวเองได้ ซึ่งวิธีป้องกันต่างๆ ที่เราแนะนำไปข้างต้นก็สามารถนำมาปรับใช้ในขณะที่เป็นไข้หวัดแดดได้
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เรานำมาฝากกัน อย่าลืมว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มีสภาพอากาศแปรปรวนบ่อยครั้ง ดังนั้น โรคไข้หวัดและไข้หวัดแดดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ โรคที่มากับอากาศร้อนยังมีอีกมากมาย การดูแลสุขภาพตัวเองและการสังเกตอาการป่วยของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากรู้สึกอาการไม่ค่อยดีก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อความมั่นใจได้เลย เพราะการดูแลสุขภาพของตนเองนอกจากจะทำให้ร่างกายตนเองแข็งแรงแล้ว หากป่วยขึ้นมายังถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย เพราะคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเราจะได้ไม่ป่วยตามนั่นเอง
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารได้ที่
Website : https://www.gedgoodlife.com
Facebook : https://www.facebook.com/GEDGoodLife
Line Official : http://line.me/ti/p/~@gedgoodlife
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeeZjN8Za_aTj6gBXSzn73A
(Advertorial)