ไวรัสโคโรนา: ถกสนั่นแคมเปญอยู่บ้าน-หนีกลับต่างจังหวัด เมื่อแผนช่วยรากหญ้ายังมาไม่ถึง

ไวรัสโคโรนา: ถกสนั่นแคมเปญอยู่บ้าน-หนีกลับต่างจังหวัด เมื่อแผนช่วยรากหญ้ายังมาไม่ถึง

ไวรัสโคโรนา: ถกสนั่นแคมเปญอยู่บ้าน-หนีกลับต่างจังหวัด เมื่อแผนช่วยรากหญ้ายังมาไม่ถึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หลายฝ่ายจึงร่วมกันรณรงค์ให้ทุกคนอยู่ในห้องพักหรือบ้านของตัวเอง และเว้นระยะห่างจากผู้คนอื่นๆ (Social Distancing) ให้มากที่สุด

ชวนทุกคนไม่เดินทาง

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคน รวมถึง เพจดังหลายเพจ ก็แนะนำให้ทำตามการรณรงค์ดังกล่าว ขณะเดียวกันก็มีคนดังหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ จนมีแคมเปญ เป็นต้นว่า "ถ้าไม่หยุดอยู่บ้าน สัปเหร่อจะทำงานเพื่อคุณ" รวมถึงคนดังจำนวนไม่น้อย ที่ขอให้ทุกคนอยู่แต่ในที่พักอาศัยของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ที่เรียกร้องให้ทุกคนอยู่บ้าน ทั้งยังกล่าวว่าประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ที่จะดลบันดาลให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม ความหวังดีนี้กลับได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักจากชาวเน็ตจำนวนมากในหลายประเด็น อย่างเช่น ความงมงาย ที่ทำให้ลืมการทำงานหนักของบุคลากรการแพทย์ แต่กลับยกความดีความชอบให้กับสิ่งเหนือธรรมชาติ

นอกจากนี้ หลายคนยังกล่าวถึงประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งว่า ผู้ดำเนินรายการชื่อดังคนนี้มีกำลังทรัพย์และอุปกรณ์การดำรงชีวิตต่างๆ เพียงพออยู่แล้วสำหรับกักตัวในบ้านเป็นระยะเวลานาน โดยไม่เข้าใจว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่ถูกบังคับให้ใช้ชีวิตในห้องเช่าแคบๆ ที่แม้แต่ตู้เย็นและเตาอบไมโครเวฟยังไม่มี ในขณะที่ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ยังเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

Lillian SUWANRUMPHA / AFPหาเช้ากินค่ำ: แม่ค้าเข็นรถเข็นผ่านร้านอาหารที่เงียบเหงาใน จ.เชียงใหม่ ในช่วงที่นักท่องเที่ยวลดลงอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

สถานการณ์บีบกลับภูมิลำเนา

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนหนึ่ง แสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียว่า ยิ่งในภาวะขาดแคลนรายได้เช่นนี้ ทางเลือกหนึ่งคือการเดินทางกลับภูมิลำเนา ที่นอกจากช่วยประหยัดค่าเช่าแล้ว ที่บ้านยังมีอาหารให้ทาน โดยไม่ต้องกังวลว่าถึงความลำบากต่างๆ จากการปิดสถานที่จำนวนมากในเมืองใหญ่

ประเด็นนี้ยิ่งสร้างความกังวลว่า ถ้าคนเดินทางกลับภูมิลำเนากันมากๆ แล้ว โอกาสแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งยังไม่รวมกับความกังวลที่ว่า จะทำให้โรคนี้ติดต่อไปยังผู้สูงวัยที่บ้านตัวเอง ที่นับว่าอ่อนไหวต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างมาก

หากคำสั่งปิดสถานที่จำนวนมากเป็นสาเหตุของการทำให้คนจำนวนหนึ่งตัดสินใจเดินทางออกจากเมือง รัฐบาลและผู้บริหารท้องถิ่นในต่างประเทศก็มักจะมีนโยบายช่วยเหลือหรือจูงใจให้ประชาชนลำบากกับการกักตัวในที่พักน้อยที่สุด 

ต่างประเทศช่วยประชาชนยามกักตัว

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารรัฐแอลเบอร์ตา ทางตะวันตกของแคนาดา สัญญากับสภารัฐว่า จะลดค่าน้ำ ค่าไฟ ให้กับผู้ที่ต้องกักตัวเองและผู้ที่ต้องดูแลญาติที่กักตัวเอง ขณะเดียวกันจะระงับดอกเบี้ยให้กับนักศึกษาที่กู้ยืมเงินมาจ่ายค่าเทอมด้วย โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 572 ดอลลาร์แคนาดา (13,000 บาท) 

ด้านเดนมาร์ก ซึ่งเป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ก็เสนอไปยังบริษัทต่างๆ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่าให้บริษัทต่างๆ จ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานแค่ 25% แล้วอีก 75% รัฐบาลจะจ่ายให้เอง แต่มีข้อแม้ว่าห้ามปลดพนักงานออก

เช่นกัน รัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมาว่าจะช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ที่แพทย์สั่งให้กักตัวเอง โดยเพิ่มเงินช่วยเหลือจาก 203 ยูโร (7,123 บาท) ต่อสัปดาห์ มาอยู่ที่ 305 ยูโร (10,000 บาท) ต่อสัปดาห์ สูงสุด 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยดูเหมือนจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าออกมาแล้ว อย่างที่ หน่วยงานด้านไฟฟ้าหลายหน่วยงาน โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่าสามารถรับเงินค่าประกันมีเตอร์คืนได้ ถึงอย่างนั้นบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ก็ยังคาใจว่าตนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เหมือนกับเจ้าของห้องเช่าอย่างไรบ้าง

เมื่อการสนับสนุนเชิงนโยบายยังมาไม่ถึงเช่นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การโจมตีกันเองของประชาชนจะยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ มาตรการที่หวังว่าจะช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อาจไม่ได้ทำให้คนยืนเข้าแถวห่างกันเท่านั้น แต่อาจทำให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในประเทศห่างออกไปด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook