สาวทอมนักวิชาการสาธารณสุขช้ำรัก โพสต์ระบายความในใจ ก่อนผูกคอตายในห้องนอน

สาวทอมนักวิชาการสาธารณสุขช้ำรัก โพสต์ระบายความในใจ ก่อนผูกคอตายในห้องนอน

สาวทอมนักวิชาการสาธารณสุขช้ำรัก โพสต์ระบายความในใจ ก่อนผูกคอตายในห้องนอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 20.00 น. เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) พันตำรวจโทประกิต ต้นไม้ทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งมีผู้ผูกคอเสียชีวิตภายในบ้าน ในตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม จึงพร้อมด้วยนางมัณฑนา หลีกลัด ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงครามเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้น 2 พบศพนางสาวศิรภัสสร อายุ 27 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีเลือดหมู ใช้เชือกในล่อนสีขาวผูกคอกับบานพับหน้าต่าง สภาพนั่งบนเตียงนอน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นางสาวศิรภัสสรผู้ตายเป็นนักวิชาการสาธารณสุข โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน ก่อนหน้านี้ นางมัณฑนา หลีกลัด ผู้ใหญ่บ้าน เคยตั้งใจว่าจะแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่เจ้าตัวอายุยังไม่ถึง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้โพสเฟซบุ๊ก ระบายความในใจ ต่อเนื่องเป็นระยะๆ เช่น "เลือกเราดิ เพราะเราขาดคุณไม่ได้, ในเมื่อดีแล้ว แล้วมันไร้ค่า ก็จะเลวให้ถึงที่สุดนะจ๊ะ"

ล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ปรับทุกข์กับหัวหน้างาน นานกว่า 40 นาที ในลักษณะที่คิดว่า คนอื่นไม่รัก ตัวเองไร้ค่า ซึ่งหัวหน้างานก็ให้กำลังใจและแนะนำว่ายังมีคนรอบตัวที่รักมากมาย ซึ่งผู้ตายก็มีกำลังใจขึ้น และไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะฆ่าตัวตาย

กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. หัวหน้างานได้โทรศัพท์หาผู้ตาย เพื่อจะประชุมสายเตรียมพร้อมรับมือไวรัสโควิด19 หลายครั้ง แต่นางสาวศิรภัสสรไม่รับสาย จึงโทรศัพท์ไปหานางละเอียด อายุ 65 ปี ผู้เป็นยาย ขึ้นไปเคาะประตูห้องเรียก ตอนแรกก็คิดว่านอนหลับ กระทั่งให้หลานๆปีนขึ้นไปดูที่หน้าต่าง ก็พบว่านางสาวศิรภัสสรผูกคอตายไปแล้ว

เบื้องต้นคาดว่านางสาวศิรภัสสร ผู้ตายซึ่งมีลักษณะเป็นสาวทอมอาจจะถูกใครสักคนทอดทิ้ง จนทำให้มีความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จึงตัดสินใจผูกคอตายก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลราชบุรี และจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook