ญาติร้อง! ทหารเกณฑ์ถูกผู้ต้องหาในห้องขัง ทำร้ายจนตาย
วันที่ 23 มีนาคม 2563 ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น นางพูลศิลป์ ศีรพุทธา อายุ 51 ปี ชาวบ้านคำม่วม ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และ นางสาวชนัญญา ชำนาญวาด อายุ 23 ปี ป้าและพี่สาวของพลทหาร กฤษณรงค์ ศีรพุทธา อายุ 22 ปี
ซึ่งถูกผู้ต้องขังในห้องขังของสภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซ้อมจนตายคาห้องขัง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น
เพื่อขอคำปรึกษาในทางคดีและการดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นเหตุให้เสียชีวิต รวมถึงขอความช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย พ.ศ.2544
ซึ่งภายหลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดเรียบร้อยแล้ว นางสาว ชนัญญา ชำนาญวาด อายุ 23 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นญาติผู้พี่ของ พลทหาร กฤษณรงค์ ศรีพุทธา อายุ 22 ปี ซึ่งคอยดูแลช่วยเหลือกันมาตลอด เนื่องจากพ่อแม่ของน้องแยกทางกัน
ซึ่งน้องจะอยู่ที่บ้านกับย่าบ้าง แต่พอย่าเสียชีวิต น้องก็ไปอยู่กับพ่อที่ทำงานในกรุงเทพฯ กระทั่งเกณฑ์ทหารและได้เป็นทหารเกณฑ์ที่ มทบ.11 ซึ่งมีการติดต่อกับญาติพี่น้องมาตลอด
ล่าสุดน้องเดินทางมาบ้าน เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ย่าและเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา น้องทะเลาะกับญาติพี่น้องในหมู่บ้าน จึงได้แจ้งตำรวจมาควบคุมตัวน้องไปคุมขัง เพื่อสงบสติอารมณ์ในห้องขัง
ต่อมาเที่ยงวันที่ 22 มีนาคมได้ซื้อขนม น้ำ ไปเยี่ยมน้องที่โรงพัก ก็พบสิบเวรเข้าเวรยามตามปกติและเข้าเยี่ยมน้อง ซึ่งพบน้องอยู่ในห้องขังร่วมกับผู้ต้องขังอีกคน
ซึ่งก็เห็นผู้ต้องขังอีกคนมีอาการแปลกๆ สีหน้านิ่งเฉยและยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนเล่นยาเสพติด และขณะนั้นน้องบอกว่าหิวข้าว จึงออกไปซื้อข้าวมาให้น้องกิน และนำไปให้สิบเวรเอาเข้าไปให้น้องในห้องขัง น้องก็ได้แบ่งข้าวให้ผู้ต้องขังอีกคนกินด้วย
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามปกติจากนั้นจึงเดินทางกลับ ถึงบ้านช่วงบ่ายโมงกว่า ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า น้องถูกผู้ต้องขังอีกคนซ้อมตายในห้องขัง จึงรีบไปดู เห็นน้องนอนจมกองเลือดในจุดที่เป็นส้วมในห้องขัง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เข้าไปนำศพน้องออกมา พบว่ามีร่องรอยถูกทำร้ายจนร่างกายน่วม เขียวช้ำทั้งตัว นำศพส่งพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์
ขณะที่ นางพูลศิลป์ ศรีพุทธา อายุ 51 ปี ป้าของผู้ตายกล่าวว่า หลังทราบว่าหลานชายถูกผู้ต้องขังซ้อมจนตายคาห้องขัง จึงรีบไปดู ก็พบว่า ตำรวจได้แยกผู้ต้องขังที่เป็นผู้ลงมือทำร้ายหลานชายไปขังอีกห้องแล้ว
จึงได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิบเวรและตำรวจ สภ.น้ำพอง ทราบว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่สิบเวรนั่งอยู่อีกฟากของห้องขัง ซึ่งอยู่ในส่วนที่เป็นกระจก จึงไม่ได้ยินเสียง
ซึ่งเมื่อตำรวจดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า ขณะที่หลานชายนั่งกินข้าว ผู้ต้องหาอีกคนเดินเข้าไปเตะเสยปลายคางจนหงายและสลบคาที่ แล้วก็กระทืบซ้ำจนแน่นิ่ง และหามร่างหลานชายโยนไปไว้ที่ส้วมในห้องขัง
“ตำรวจบอกว่าเอาข้าวไปให้ผู้ต้องขังกินแล้วก็เดินออกมานั่งหน้าห้องขัง ซึ่งเป็นห้องกระจก ไม่ถึง 10 นาที ก็เดินเข้าไปตรวจห้องขังพบผู้ต้องขังรายที่เป็นคนลงมือ แต่ไม่พบหลานชาย เมื่อสอบถามผู้ต้องขังรายดังกล่าว ก็บอกว่าให้ไปดูที่ส้วม
เมื่อสิบเวรเข้าไปดูก็พบหลานชายกลายเป็นศพแล้ว จึงอยากฝากถามไปยังหน่วยงานตำรวจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทของตำรวจหรือไม่ หรือเป็นความผิดของใคร
อีกทั้งหลานชายไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่ถูกขังรวมกับผู้ต้องขังที่มีคดีติดตัวได้อย่างไร เมื่อหลานชายถูกกระทำเช่นนี้แล้ว มีใครจะช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวเราได้บ้าง จึงได้เดินทางมาขอคำปรึกษาที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น”
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่พลทหารรายดังกล่าวถูกซ้อมจนตายในห้องขังจากเจ้าหน้าที่ทราบว่า ห้องขังในโรงพักน้ำพองมีประตูทั้งหมด 3 ชั้น คือ กระจก ลูกกรง และประตูห้องควบคุม และมีวงจรปิด
ส่วนสิบเวรยามก็เข้าเวรตลอด 24 ชม. มีสว.ป.และรองสว.ป.เข้าตรวจเวรยามเป็นช่วงๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไม่อยากบอกว่า ตำรวจเราประมาท
เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงหลังจากสิบเวรนำข้าวไปให้ผู้ต้องขังกิน แล้วก็หันหลังกลับมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งมีประตูกระจกกั้นไว้ จากนั้นไม่กี่นาทีก็เข้าไปตรวจในห้องขังซึ่งพบเพียงผู้ต้องขังที่เป็นคนก่อเหตุ จึงได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ซึ่งขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ต้องหาในห้องควบคุมทำร้ายร่างกายกันจนเสียชีวิต
พร้อมทั้งมีคำสั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.น้ำพอง รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สภ.น้ำพอง และ สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.น้ำพอง ให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.ขก.แล้ว จนกว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้น
ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นคือว่า นายนิวัฒน์ หรือนายต้อง อายุ 30 ปี ชาวบ้านดงเย็น ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ขณะนี้ถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขัง
และเป็นผู้ต้องหาคนเดียวกันกับที่ใช้อาวุธมีดเข้าไปไล่ทำร้ายนักเรียนชาย ชั้น ม.4 จนบาดเจ็บสาหัส แผลเหวอะไปทั้งตัวเสี่ยงจะพิการ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองขอนแก่น และถูกคุมขังในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
และ ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ซึ่งเมื่อมาก่อเหตุทำร้ายพลทหารรายดังกล่าวเสียชีวิต จึงถูกแจ้งข้อหาและจะถูกดำเนินคดีในข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาเพิ่มเติมเข้าไปอีก