SCB พบผู้รับจ้างชั่วคราวติดโควิด-19 ให้พนักงานร่วมชั้นกักตัว 14 วัน-เลื่อนประชุมผู้ถือหุ้น
ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับแจ้งว่า ผู้รับจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานที่ชั้น 20 อาคาร Ari Hill พหลโยธิน ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ขณะนี้เข้ารักษาตัวในรพ.แล้ว พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในชั้นที่ 19 และ 20 ของตึกดังกล่าวกักตัว 14 วัน ขณะแจ้งเลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นออกไปจนกว่าโควิด-19จะสิ้นสุดหรือคลี่คลายลง
ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับรายงานว่า มีผู้รับจ้างชั่วคราว ของธนาคารที่ปฏิบัติงานที่ชั้น 20 อาคาร Ari Hill พหลโยธิน ได้รับการตรวจและยืนยันจากแพทย์ว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว โดยเจ้าหน้าที่คนนี้ได้เข้ามาที่ทำงานในวันที่ 23 มีนาคม 2563 เป็นวันสุดท้าย
ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินโดยได้ทำการปิดพื้นที่ชั้น 20 และบริเวณโดยรอบเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และได้ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในชั้นที่ 19 และ 20 ของตึกดังกล่าวกักตนอยู่กับบ้าน (Self-Quarantine at Home) และสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน โดยมีการติดตามรายงานสุขภาพอย่างใกล้ชิด และได้รายงานกระทรวงสาธารณสุขและธนาคารแห่งประเทศไทยทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯ มีความห่วงใยในสุขภาพของลูกค้าและพนักงานธนาคารฯ โดยให้ความสำคัญขั้นสูงสุดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และได้ดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงานและลูกค้าเป็นสำคัญ
เลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นจนกว่าโควิด-19 จะสิ้นสุดหรือคลี่คลายลง
ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร วานนี้ (24 มี.ค.) มีมติอนุมัติให้เลื่อนวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 197 โดยเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สิ้นสุดลงหรือคลี่คลายลง ธนาคารจะพิจารณากำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นใหม่ที่เหมาะสม และแจ้งกำหนดวันประชุมดังกล่าวพร้อมทั้งระเบียบวาระการประชุมให้ทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2562 ตามงบการเงินล่าสุด สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีของธนาคารแล้ว ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหุ้นสามัญในครั้งนี้ในอัตราหุ้นละ 4.00 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหุ้นสามัญไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงิน 5,099 ล้านบาท ดังนั้น เงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2562 (ไม่รวมเงินปันผลกรณีพิเศษ) ที่ธนาคารจ่ายจึงมีจำนวนรวมทั้งสิ้นหุ้นละ 5.50 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 18,696 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.2 ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2562 ตามงบการเงินรวม ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่เคยแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563
การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของธนาคาร ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 เมษายน 2563 (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเริ่มขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 9 เมษายน 2563) ซึ่งเป็นกำหนดวันเดิมกับที่เคยแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่22 เมษายน 2563 โดยขอให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิรับเงินปันผลภายในกำหนดระยะเวลา 10 ปี
อนึ่ง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท รวมเป็นเงิน 2,549 ล้านบาท ทำให้เงินปันผลที่ธนาคารจ่ายสำหรับรอบปี 2562 มีจำนวนรวมทั้งสิ้นอัตราหุ้นละ 6.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 21,245 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.5 ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2562 ตามงบการเงินรวม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของธนาคาร