เชียงใหม่จะตายกันหมด! ไฟป่าวิกฤตหนักมาก ฮอตสปอตขึ้น 518 จุด ค่ามลพิษพุ่งปรี๊ด
ทุกภาคส่วนระดมกำลังเข้าดับไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ยังวิกฤตหนักอย่างเร่งด่วน หลังตรวจพบจุดความร้อนพุ่งสูงถึง 518 จุด เช้าวันนี้อุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย และอำเภอสะเมิงยังหนักที่สุด โดยยังมีการใช้อากาศยาน ทั้งของกองทัพภาคที่ 3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บินโปรยน้ำดับไฟในพื้นที่เขาสูงชันอย่างต่อเนื่อง
เช้าวันนี้มีรายงานการตรวจพบจุดความร้อนจากดาวเทียมเวียร์เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่มากถึง 518 จุด เกิดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมากถึง 212 จุด และป่าอนุรักษ์ 294 จุด และพื้นที่อื่นๆ 11 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนภูเขา ในพื้นที่เขาลาดชันยากต่อการเข้าถึง บางจุดเป็นเหวลึก ยากต่อการที่หน่วยดับไฟภาคพื้นดินเข้าถึง โดยต้องใช้เวลานานกว่าจะควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้างได้ แต่ประกอบกับในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีลมแรงทำให้สะเก็ดไฟถูกลมพัดปลิวข้ามแนวกันไฟที่ทำเพื่อสกัดไฟไว้ ลุกลามมายังพื้นที่ข้างเคียง จึงเกิดไฟลุกลามอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบางจุดเกิดการปะทุขึ้นใหม่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะร่วมกันดับไฟไปแล้ว
ทั้งนี้ พบว่าแนวเขตของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ถือว่าเป็นจุดวิกฤตหนักที่สุดเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์เต็มแล้วที่ยังเกิดไฟป่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเช้านี้ยังมีรายงานเกิดไฟป่าประทุขึ้นอีกที่ใกล้กับยอดดอยปุบ บริเวณผาดำ ซึ่งเป็นจุดที่เป็นหน้าผาสูงยากแก่การเข้าถึง
ขณะเดียวกันเข้านี้พบว่าในพื้นที่ของอำเภอสะเมิงพบจุดฮอตสปอตจากไฟป่ามากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้คุณภาพอากาศของอำเภอสะเมิงแย่ที่สุด โดยวัดค่า PM2.5 ได้สูงถึง 767 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ค่ามลพิษก็ยังคงสูง และมีหมอกควันจากไฟป่าหนาทึบปกคลุมตัวเมืองอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูล ของเว็บไซต์ CMU CCDC หรือ ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Climate Change Data Center Chiang Mai University) รายงานสถานการณ์หมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเวลา 9.00 น.ที่ผ่านมา ข้อมูลรายชั่วโมง รายงานค่าฝุ่นพิษ PM2.5 เช้านี้พบว่า ที่ข่วงประตูท่าแพกลางเมืองเชียงใหม่วัดได้ 415 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แคมปัสแม่เหียะ วัดได้ 587 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งในตัวเมืองก็มีค่ามลพิษสูงอยู่ที่ 200-500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรทุกพื้นที่
ขณะที่เวปไซด์ Air visual พบว่าค่ามลพิษของจังหวัดเชียงใหม่ขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกอย่างต่อเนื่องเช้านี้วัด ค่า PM 2.5 ได้ 261.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอาาศวัดได้ 312 USAQI
โดยเช้าวันนี้ที่ศูนย์สั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมเพื่อเร่งปรับแผนการดำเนินงาน ซึ่งมีทั้งตัวแทนจากกองทัพบก กองทัพอากาศ ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือเรื่องการนำอากาศยานต่างๆ ขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อดับไฟในพื้นที่สูงชัน เพื่อแบ่งพื้นที่การดำเนินงานให้การดับไฟป่าเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ซึ่งในวันนี้ได้ใช้ เฮลิคอปเตอร์ MI 17, เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวะล้อมจำนวน 3 ลำ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แบบ 32 หรือ KA-32 มาสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทันหมดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นอกจากนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์ BT-67 ช่วยบินโปรยน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันเหนือเมืองเชียงใหม่ด้วย