ด่วน! "หนุ่ม ศรราม" ไลฟ์สดแถลง ภรรยาถูกแจ้งความคดีหน้ากากอนามัย
ขึ้นแท่นประเด็นร้อนที่หลายคนจับตามองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สน.หัวหมาก ในประเด็น ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ หรือ ติ๊ก กนิษฐรินทร์ ภรรยาพระหนุ่มเอกดัง หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ เรื่องหน้ากากอนามัยของแพทย์-พยาบาล พร้อมทั้งนำหลักฐานซึ่งเป็นข้อความการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง คลิปเสียง และหลักฐานการโอนเงินจำนวน 900,000 บาท มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อใช้สำหรับการดำเนินคดี
กระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 16.20 น. วันนี้ (30 มี.ค. 63) หนุ่ม ศรราม ก็ได้ใช้พื้นที่โซเชียลฯ ส่วนตัว Facebook : Sornram TheappitaK SFC และ Instagram : sornram_theappitak จัดไลฟ์สดเพื่อแถลงข่าวและชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวได้เผยว่า“เรื่องของเรื่องก็คืออยู่ดีๆ ก็มีจดหมายส่งมาจากสำนักงานทนายกล้าหาญ เป็นทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ ลงวันที่ 19 มีนาคม เรื่อง ‘บอกเลิกสัญญาซื้อขายและขอให้คืนเงินค่าสินค้า’ เรียน คุณกนิษฐรินทร์ หรือว่า ติ๊ก เทพพิทักษ์ นะครับ”
“ตามที่เมื่อประมาณวันที่ 5 มีนาคม คุณญานิษฐา ได้ตกลงสั่งซื้อสินค้า ซึ่งก็คือหน้ากากอนามัยจำนวน 200,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่า 1,900,000 บาท และจะส่งมอบสินค้าให้กับคุณญานิษฐา ภายในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งคุณญานิษฐา ได้ชำระเงินค่าสินค้าให้ท่านแล้วบางส่วน (ท่าน = ติ๊ก เทพพิทักษ์) เป็นจำนวนเงิน 900,000 บาท”
“ซึ่งปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว นับจากวันที่ 13 มีนาคม ท่านก็ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้กับคุณญานิษฐาได้ แม้คุณญานิษฐาจะทวงถามแล้วก็ตาม แต่ก็ปรากฎว่าได้รับการเพิกเฉย ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดนัด”
“ก็เลยจะต้องเรียนให้ทราบแบบนี้ครับ ผมเชื่อว่า ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 มันคือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งโลก และผมก็คิดเมื่อตอนต้นเดือนว่า เมื่อโรคนี้มันเข้ามาก็น่าจะมีคนที่ต้องการหน้ากาก ต้องการแอลกอฮอล์ ต้องการเจล และคิดว่ามันน่าจะสามารถทำมาหากินได้ ผมเรียนตามตรงครับว่ามันคือสินค้าที่จะทำให้เราไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บอันเกิดจาก โควิด-19”
“จนกระทั่งทางภาครัฐได้มีการออกแถลงการณ์ในวันที่ 6 มีนาคม ว่าหน้ากากเป็นสินค้าควบคุม ฉะนั้นผมจึงอยากให้แยกให้ออกครับว่า เรื่องของคำว่าฉ้องโกงหรือฉ้อฉล หมายถึงผมกับภรรยาจะต้องมีสินค้าเยอะๆ อยู่ที่บ้านและก็ขายทางออนไลน์ จนกระทั่งมีผู้คนจำนวนมากเข้าไปร้องเรียน แต่สิ่งที่ภรรยาผมได้กระทบก็คือ เราไม่ทำผิดกฎหมายครับ”
"แต่สิ่งที่ภรรยาผมได้กระทำคือ เราไม่ได้ทำผิดกฎหมายครับ เราถือว่านโยบายของภาครัฐออกมาวันที่ 6 มีนาคม หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าหรืออุปกรณ์ที่ถูกควบคุมทางภาครัฐ ผมพูดตรงๆ ผมรับแทนภรรยาก็ได้ว่าตอนแรกว่าจะขายหน้ากาก เพราะเราก็จะทำมาหากิน แต่ถ้ามันผิดกฎหมาย เราไม่ทำครับ เราก็เลยยอมเสียเงินค่ามัดจำ หรือเงินที่สั่งของไปล่วงหน้า เรายอมเสียไปเลยครับ เพื่อเราจะทำตามนโยบายของภาครัฐ นั่นคือสิ่งที่เป็นความจริง และเรียนด้วยความเคารพว่ามันเป็นเรื่องจริง"
"คราวนี้ภรรยาผมก็พยายามจะติดต่อคุณญานิษฐา สารทิศ ที่เขาบอกว่าเขาส่งจดหมาย เขาได้รับความเสียหาย และเขาก็มอบหมายให้กับสำนักทนายความกล้าหาญ ในนี้ก็ไม่ได้มีนามของทนายความท่านอื่นนะครับ หรือองค์กรอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งไม่เกี่ยวกับคนที่ออกมาไลฟ์และพูดถึงชื่อจริง นามสกุลจริงผมเลย"
"ผมกับภรรยาพยายามโทรศัพท์เพื่อที่จะไปบอกคุณญานิษฐาที่ส่งจดหมายมาให้เราว่า เงินมัดจำที่คุณส่งมา ไม่ใช่เงินของเรานะครับ เงินของเรา เรายอมทิ้งเลยครับ เพราะเราไม่อยากทำอะไรผิดกฎหมายนะครับ เรายอมรับในเบื้องต้นพอมีเรื่องแบบนี้เราก็อยากจะขายของ แต่เมื่อผิดกฎหมายเราไม่ทำ เราต้องหยุด"
"ซึ่งในเมื่อคุณญานิษฐาบอกอยากนำเงินค่ามัดจำคืน ก็ไม่เป็นไรครับ เราพยายามโทรหาแต่คุณญานิษฐาไม่รับโทรศัพท์ และบอกให้เราติดต่อไปที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจ"
"คือทางเราเตรียมพร้อมอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พร้อมที่จะชำระค่าเสียหายอยู่แล้ว 900,000 บาท ในจดหมายบอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าเราไม่ติดต่อไปภายใน 7 วัน ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตรงกับวันนี้ วันนี้ทางทนายก็ได้ไปแจ้งความไว้เรียบร้อย ภรรยาผมเลยได้โทรติดต่อไปที่ พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่น ที่ สน.หัวหมาก เพื่อที่จะให้ท่าน พ.ต.ท.ประยูร ช่วยประสานกับคุณญานิษฐาว่า หากคุณสะดวกวันไหนก็ให้เข้ามารับเช็ค เพราะผมพร้อมที่จะเอาเงินคืนคุณแล้ว ผมไม่พร้อมที่จะทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายกับคุณ ช่วยติดต่อมาทางไหนก็ได้ เหมือนตอนที่คุณอยากได้หน้ากาก ทำแบบเดียวกัน ติดต่อมา คือทางเราพยายามติดต่อไปหาคุณแต่ไม่ได้รับสายเลย"
"บ้านผมอยู่ที่ลาดพร้าวครับ หากใครอยากจะมาตรวจดูสินค้าว่ามีกักตุนไหม ทุกวันนี้ผมทำงานออนไลน์ไม่มีอะไรมากครับ นอกจากเซรั่มหน้าใส"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ