Sanook คลุกข่าวเช้า 3 เม.ย. 63 ผู้ป่วยโควิด-19 สะสมทั่วโลกทะลุล้านคนแล้ว
พบกับการอัปเดตข่าวสารยามเช้า ประจำวันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563 กันนะครับ
เริ่มเรื่องแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) กันก่อนเลย เมื่อช่วงดึกของเมื่อคืนนี้ตามเวลาของบ้านเรา สถิติตัวเลขจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกสะสมทะลุหลักล้านไปเรียบร้อยแล้ว
โดยตัวเลขจนถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,015,059 คน เสียชีวิต 53,167 ราย รักษาอาการจนหายแล้ว 212,035 คน ขณะที่สหรัฐอเมริกานอกจากจะเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อสูงที่สุดในโลกแล้ว ยังกลายเป็นประเทศแรกที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมถึงหลัก 2 แสนราย ซึ่งปัจจุบันแดนลุงแซมมียอดผู้ป่วยสะสม 244,877 ราย
ทั้งนี้ ประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงในอันดับถัดมา ประกอบด้วย อิตาลี สเปน และเยอรมนี โดยอิตาลีและสเปน มีจำนวนผู้ป่วยสะสมเกินหลักแสนรายทั้งสองประเทศ ในขณะที่เมืองมะกะโรนีเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 13,000 ราย ซึ่งสูงที่สุดในโลก แต่สเปนก็ตกอยู่ในสภาวะที่น่ากังวลเนื่องจากช่วง 2-3 วันมานี้ มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพุ่งทะลุหลักแสนไปแล้ว ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตเองก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จนทำให้แดนกระทิงดุกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับที่ 2 จากตัวเลข ณ ขณะนี้กว่า 10,000 รายเข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ เยอรมนีก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อขยับแซงจีนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 แล้ว ด้วยตัวเลข 84,794 ส่วนจีนนั้นยังทรงๆ อยู่ที่ระดับ 82,000 คน
ข้ามมาที่บ้านเรากันบ้าง ตัวเลขจนถึงเมื่อวานนี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 104 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,875 เสียชีวิตแล้ว 15 ราย หายแล้ว 505 คน ยังรักษาอาการอยู่ 1,355 คน ซึ่งแม้ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในแต่ละวันจะทรงๆ อยู่ที่ระดับหลักร้อยคน แต่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประเมินว่าหลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาซักระยะแล้ว ก็ยังคงไม่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ทำให้ช่วงเย็นๆ ของเมื่อวาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลให้ข้อมูลว่าจะมีการประเมินสถานการณ์หลังจากประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวดังกล่าวว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้มากยิ่งขึ้นหรือไม่ หากมีแนวโน้มและทิศทางที่ดีขึ้นอาจจะไม่ได้ใช้เป็นเวลานานนัก
มาต่อกันที่เรื่องราวในวงการบันเทิงกันบ้าง เมื่อวานนี้ทนายความของ ศรราม เทพพิทักษ์ พร้อมผู้เสียหาย ได้นำแคชเชียร์เช็คจำนวนเงิน 900,000 บาท ไปขึ้นเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาหัวหมาก จากกรณีสั่งซื้อหน้ากากอนามัยกว่า 2 แสนชิ้น รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท มาจาก น.ส.กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ภรรยาของหนุ่ม ศรราม แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับของแล้วก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับเงินคืน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นแจ้งความกัน
หลังจากเคลียร์กันจบ ฝั่งผู้เสียหายได้รับเงินคืนเรียบร้อยแล้วก็ยืนยันว่าจะไปถอนแจ้งความ ถือว่าเป็นอันจบเรื่องวุ่นๆ เคล้าดราม่าลงได้ด้วยดี
แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นกระแสให้พูดถึงกันเยอะพอสมควรทีเดียวนั่นคือ กรณีความสัมพันธ์ระหว่าง แพท ณปภา และ เบนซ์ เรซซิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างออกมาเปิดเผยในทำนองว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลง จนกลายเป็นดราม่าสนั่นในโลกออนไลน์
ล่าสุดเมื่อวานนี้ แพท ณปภา ได้ออกมาเปิดเผยทั้งน้ำตาผ่านรายการ แชร์ข่าวสาวสตรอง ว่าความสัมพันธ์ตอนนี้มันเป็นศูนย์ ทุกอย่างจบลงแล้ว หากจะทำอะไรก็อยากจะให้ทางอดีตสามีคิดถึงหน้าลูกให้มากๆ พร้อมกับยอมรับว่าได้ทำการบล็อกช่องทางการติดต่อทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าหากเขาอยากจะคุยจริง ก็คงต้องโทรมาคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว
ก็เรียกได้ว่าเป็นการออกมายืนยันถึงการยุติความสัมพันธ์ในแบบคนรักระหว่างทั้งคู่เรียบร้อย
ยังไงก็ขอให้ทั้งคู่ก้าวเดินต่อไปในเส้นทางชีวิตที่เลือกได้อย่างมีความสุขแล้วกันนะครับ แล้วพบกับการสรุปข่าวยามเช้าแบบนี้ได้อีกในวันพรุ่งนี้ครับ