"ควีนเอลิซาเบธ ที่ 2" ทรงมีพระราชดำรัสพิเศษ ปลุกขวัญชาวอังกฤษ สู้โควิด-19 (คลิป)
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีพระราชดำรัสเพื่อให้กำลังใจผู้ที่ประสบภัย โควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเป็นวีดีโอที่มีการถ่ายทำไว้ล่วงหน้า ณ พระราชวังวินด์เซอร์ เผยแพร่ทางโทรทัศน์, วิทยุ และสื่อสังคมออนไลน์ นับเป็นเพียงครั้งที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสพิเศษ
เนื้อความสำคัญบางช่วงบางตอน สรุปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือในเวลานี้ นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความวุ่นวายที่นำพาความโศกเศร้า, ความเดือดร้อน โดยเฉพาะในทางการเงิน และยังนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคน พระองค์ยังทรงหวังว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไป ประชาชนของพระองค์จะได้ภาคภูมิใจที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และคนรุ่นหลังก็จะได้ยกย่องว่า ชาวอังกฤษในยุคนี้ แข็งแกร่งไม่แพ้ยุคไหนๆ
พระองค์ยังทรงขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในระบบสาธารณสุขของอังกฤษ เป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาดครั้งใหญ่หลวงนี้ และยังทรงเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ กับเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง โดยระบุว่า ณ เวลานั้น พระองค์ในวัยเยาว์ เคยมีพระราชดำรัสถึงเด็กๆมากมาย ที่ต้องพลัดจากบ้าน แยกจากครอบครัว ไปอยู่ที่ปลอดภัยจากสงคราม มาถึงตอนนี้ เราต้องเผชิญกับความโศกเศร้าจากการพลัดพรากจากคนที่รักอีกครั้ง แม้ลึกๆแล้ว เราล้วนรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่จำเป็นต้องทำ
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ยังตรัสอีกว่า เวลานี้พวกเรากำลังร่วมมือกับทั่วโลก เผชิญหน้ากับภัยร้ายนี้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียว ด้วยวิทยาการที่ล้ำหน้า และด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน เพื่อที่จะเอาชนะโรคร้ายนี้ ในท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องประสบความสำเร็จ และความสำเร็จนี้จะเป็นชัยชนะของพวกเราทุกคน ขอให้ทุกคนเชื่อมั่น ว่าวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าจะกลับคืนมา เราจะได้พบกับเพื่อนพ้อง และครอบครัวของเราอีกครั้ง ข้าพเจ้าขอส่งความรู้สึกขอบคุณ และความปรารถนาดีไปยังทุกๆท่านทุกคน
พระราชดำรัสครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 5 ตลอดเวลา 68 ปีที่ทรงครองราชย์ โดย 4 ครั้งก่อนหน้านี้ มีดังต่อไปนี้
1. สหราชอาณาจักรเข้าร่วมสงครามในอิรัก ค.ศ.1991
2. เหตุการณ์สิ้นพระชนม์ของไดอานา ค.ศ.1997
3. เหตุการณ์สวรรคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี ค.ศ.2002
4. พระราชดำรัสขอบพระทัยเนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปีของพระองค์เอง ค.ศ.2012