ภาพสุดหดหู่ "ม่อนจอง" จุดหมายนักเดินป่าเชียงใหม่ ถูกไฟป่าเผาเป็นเถ้าดำทั้งดอย

ภาพสุดหดหู่ "ม่อนจอง" จุดหมายนักเดินป่าเชียงใหม่ ถูกไฟป่าเผาเป็นเถ้าดำทั้งดอย

ภาพสุดหดหู่ "ม่อนจอง" จุดหมายนักเดินป่าเชียงใหม่ ถูกไฟป่าเผาเป็นเถ้าดำทั้งดอย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพสลดดอยม่อนจอง ที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ สุดยอดแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติสำหรับคนชอบเที่ยวป่าเดินดอย วันนี้ถูกไฟป่าเผาวอดกลายเป็นภูเขาสีดำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งให้ทุกอำเภอวิเคราะห์พื้นที่ดับไฟ ประเมินความจำเป็นเร่งด่วน และกำหนดเป้าหมายลดจุดความร้อนให้ชัดเจน เพื่อให้การปฏิบัติงานเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

สภาพของดอยม่อนจอง ที่ตำบลแม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่เจ้าหน้าที่ สถานีควบคุมไฟป่าอมก๋อย และเจ้าหน้าที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ถ่ายไว้หลังขึ้นไปช่วยกันดับไฟป่า ซึ่งเผาไหม้ในพื้นที่ของดอยม่อนจอง เป็นพื้นที่เกือบ 20 ไร่ จากที่เคยเป็นทุ่งหญ้าที่ราบสูงสีเขียวสด วันนี้กลายเป็นสีดำจากเถ้าไฟที่ถูกไฟป่าเผา จนกลายเป็นม่อนดอยสีดำ

ทั้งนี้ดอยม่อนจอง ที่อยู่ในความดูแลของ เขตรักษาพันสัตว์ป่าอมก๋อย ถือเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ด้วยความสูงชัน และต้องใช้วิธีการเดินเท้าขึ้นไปในระดับความสูงถึง 1,929 เมตร ดอยม่อนจองจึง ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยจุดสูงสุดของ ดอยม่อนจอง เรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต ดอยม่อนจองยังเป็นแหล่งที่สัตว์ป่าอู่อาศัย เช่นกวางผา หรือ ม้าเทวดาและเลียงผารวมทั้งโขลงช้างป่า ซึ่งทางทีมเจ้าหน้าที่ที่ยึ้นไปยังพบกับกองของขี้ช้างที่ยังใหม่ๆอยู่เชื่อว่าโขลงช้างป่าจะหนีไฟป่าไปยังจุดที่ปลอดภัย

ทางด้าน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมกับคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าฝุ่นควันที่เกิดขึ้น โดยมีการเรียก 5 อำเภอ ที่พบว่ามีจุดความร้อนมากที่สุดในเช้าวันนี้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference เพื่อรายงานความคืบหน้าของการดับไฟและนำข้อมูลมาวางแผนปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้แก่ อำเภออมก๋อย เชียงดาว แม่แจ่ม แม่วาง และสะเมิง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน วิเคราะห์พื้นที่เกิดไฟไหม้ให้ดี ประเมินตามความความจำเป็นเร่งด่วนให้ทำที่พื้นที่นั้นก่อน กำหนดเป้าหมายลดจุดความร้อนให้ชัดเจน นำข้อมูลมาปรับแผนแบบรายวัน อย่าให้เกิดจุดไฟไหม้ซ้ำซากต่อเนื่อง

ซึ่งการสร้างรับรู้คือประเด็นที่สำคัญต้องทำให้ชาวบ้านรับทราบ โดยใช้ศักยภาพของกำลังชุมชน เข้าไปทำความเข้าใจ พูดภาษาเดียวกันกับที่กลุ่มชาติพรรณอาศัยอยู่ ซึ่งอาจเป็นปราญชาวบ้าน ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ในชุมชนด้วยตัวเอง ไม่ใช้ล่ามท้องถิ่น รวมทั้งใช้หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อดึงชุมชนมาร่วมเป็นเครือข่ายในการชี้เบาะแสผู้ลักลอบเผาป่าเพื่อจับกุมมาดำเนินคดี พร้อมกันนี้ยังให้เพิ่มชุดลาดตระเวนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต่างๆ โดยอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากผู้ที่เชี่ยวชาญในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเก็บหาของป่า ลงพื้นที่ในชุมชน เพื่อลดการเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ต่างๆ ด้วย

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าเช้านี้ของจังหวัดเชียงใหม่เช้านี้ รายงานจุด Hotspot วันที่ 7 เม.ย. 63 (รอบเช้า) จำนวน 104 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 47 จุด ป่าอนุรักษ์ 53 จุด พื้นที่เกษตร 4 จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook