เสนอล็อกดาวน์พัทยา 24 ชั่วโมง นาน 21 วัน หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งฉุดไม่อยู่

เสนอล็อกดาวน์พัทยา 24 ชั่วโมง นาน 21 วัน หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งฉุดไม่อยู่

เสนอล็อกดาวน์พัทยา 24 ชั่วโมง นาน 21 วัน หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งฉุดไม่อยู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปเตรียม Lock Down พัทยา 24 ชั่วโมงนาน 21 วัน เร่งเสนอผู้ว่าเมืองชลเห็นชอบลงนาม กำหนดดีเดย์ 9 เมษายนศกนี้ หวังลดแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นศูนย์

วันนี้ (7 เม.ย.63) ที่ห้องประชุมทัพพระยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง พร้อมด้วย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ร่วมเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการปิดพื้นที่เมืองพัทยา หรือ Lock Down ตามมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง ชี้แจงว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในเขตเมืองพัทยา ขณะนี้พบมีผู้ต้องสงสัยและติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีมากถึง 30 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดชลบุรี โดยแยกเป็นผู้ติดเชื้อเพศชาย 15 คน หญิง 15 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 15 คน ชาวไทย 15 คน มีผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่เทศบาลเมืองหนองปรือ 4 ราย, ต.ห้วยใหญ่ 2 ราย, ตำบลตะเคียนเตี้ย 1 ราย ส่วนที่เหลือในพื้นที่เมืองพัทยาจำนวน 23 ราย ทั้งนี้มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้ว 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาวรัสเซีย, เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย และสัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 400 กว่าราย

จากสถานการณ์ดังกล่าวพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวและพักอาศัยในเขตเมืองพัทยา ซึ่งหากปล่อยให้มีการเดินทางเข้า-ออกจากภายนอกได้อย่างอิสระแล้ว การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอาจไม่มีประสิทธิภาพมากนัก จึงมีการหารือกันในหลายภาคส่วนทั้ง องค์กรภาคธุรกิจ เอกชน และหน่วยงานภาครัฐ และเมืองพัทยา จนในที่ประชุมมีมติให้นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจัง หวัดชลบุรี เพื่อให้ออกคำสั่งปิดพื้นที่เมืองพัทยา หรือ Lock Down อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้วิธีการดังกล่าวจะเป็นการจัดตั้งจุดคัดกรองสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าออกในพื้นที่ โดยมีประเด็นสำคัญคือห้ามบุคคลที่ไม่มีที่พักอาศัย หรือบุคคลที่มิได้ประกอบอาชีพในพื้นที่เมืองพัทยาเข้าพื้นที่เด็ดขาด เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน

ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติกำหนดให้ปิดทางเข้า-ออก ตั้งแต่บริเวณแยกกระทิงรายก่อนขึ้นสะพานต่างระดับ โดยบังคับให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนสาย 36 แล้วไปกลับรถเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนเลียบทางรถไฟ โดยไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางบนถนนสุขุมวิทผ่านเข้าตัวเมืองพัทยา ส่วนเส้นทางที่มาจากพื้นที่อำเภอสัตหีบจะปิดเส้นทางบริเวณสี่แยกสำนักงานอัยการ เขต 2 แล้วบังคับให้เลี้ยวขวาเพื่อไปใช้เส้นทางถนนเลียบทางรถไฟเพื่อมุ่งหน้าสู่แยกกระทิงราย โดยไม่อนุญาตให้สัญจรผ่านบนถนนสุขุมวิทเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือประกอบอาชีพในเขตเมืองพัทยา จะมีการจัดตั้งจุดคัดกรองที่เข้มข้น ที่จะมีการตรวจวัดไข้ การตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารรับรองจากบริษัทฯ หรือบัตรประจำตัวที่ออกให้โดยภาครัฐ โดยสามารถผ่านเข้าได้จำนวน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย ซอยถนนชัยพรวิถี, , ซอยถนนพรประภานิมิต หรือ สยามคันทรี คลับ และ ซอยถนนชัยพฤกษ์ ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านจุดตรวจสอบอีกครั้งที่จะสามารถเข้าสู่พื้นที่เมืองพัทยาได้ 2 จุด คือถนนพัทยากลาง และถนนซอยเทพประสิทธิ์เท่านั้น นอก จากนั้นจะทำการปิดเส้นทางเข้า-ออกทั้งหมด ขณะที่รถโดยสารประจำทางที่ไม่ได้วิ่งเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของเมืองพัทยาจะได้หารือเพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยให้สามารถวิ่งผ่านเส้นทางสุขุมวิทตลอดแนวได้ โดยมติดังกล่าวจะได้มีการนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี เพื่อลงนามคำสั่งปิดพื้นที่เมืองพัทยา หรือ Lock Down อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้กำหนดไว้ว่าจะ ดำเนินการตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2563 นี้เป็นต้นไป

ด้าน นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวถึงการล็อกดาวน์เมืองพัทยาในครั้งนี้ว่าเบื้องต้นอาจจะต้องดำเนินการอย่างน้อย 3 อาทิตย์หรือ 21 วัน ในการใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อคัดกรองและเอ็กซเรย์หาผู้ติดเชื้อในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อนำไปรักษาต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่พักอาศัยอยู่นอกพื้นที่ที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในพื้นที่เมืองพัทยาหรือพักอาศัยในเขตเมืองพัทยา แต่ทำงานนอกพื้นที่ รถที่ขนส่งสินค้าอุป โภคบริโภค รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถเข้าออกพื้นที่เมืองพัทยาได้ตามปกติ โดยต้องแสดงบัตรข้าราชการ หรือบัตรที่แสดงสถานที่ทำงาน โดยออกแบบให้ชัดเจน แต่ละหน่วยงานสถานประกอบการรับรอง และประชา ชนที่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่อำเภอบางละมุงต้องบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้ง โดยให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรองผู้ที่เดินทางผ่าน หากพบผู้มีอุณหภูมิเกินกว่าที่กำหนด ก็จะให้เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดำเนินการตามขั้นตอนการควบคุมและป้องกันโรคติดต่อต่อไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook