ผู้ว่าฯ พิษณุโลก ลั่น! ลูกใครทำผิดกฎหมายไม่มีละเว้น หลังรู้ข่าวลูกสาวถูกจับฝ่าฝืนเคอร์ฟิว

จากกรณีที่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ของเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย. 63) ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม กลุ่มหญิง-ชาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด แต่ยังมีกลุ่มคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้จำนวน 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เมาสุราและเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหญิงสาวที่กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจสี่แยกไฟแดงเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ขับรถเก๋งหรูสีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าตนเองเป็นลูกสาวของผู้ว่าฯ อยู่จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อประสานไปยังนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ยังติดภารกิจจึงยังไม่สามารถเข้าพบได้

และล่าสุดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันนี้ (7 เม.ย.) หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจประชุมมอบนโยบายส่วนราชการเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ก็โพสต์ชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า "ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฏเคอร์ฟิวให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ" ซึ่งก็มีประชาชนเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจาก จ.มุกดาหาร ว่า ศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยการไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 22.00-04.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อคืนนี้หลายคนโดยรวมถึงลูกสาวผู้ว่าฯ พิษณุโลก ด้วยการสั่งจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน ปรับเงินจำนวน 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี