"ฝรั่งเศส" ยอดตายจากโควิด-19 ทะลุ 1 หมื่นราย หลังล็อกดาวน์มานานกว่า 4 สัปดาห์
ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นทะลุ10,000 รายหลังจากล็อกดาวน์มานานกว่า 4 สัปดาห์ ด้านอิตาลีมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นน้อยสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
8 เม.ย. เว็บไซต์ worldometers รายงานสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระบุว่า ฝรั่งเศส มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 แล้ว 10,328 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 1,400 ราย ภายใน 24 ชม. ส่งผลให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่มีผุ้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 รายตามหลังสหรัฐฯ อิตาลี และสเปน
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อของฝรั่งเศสก็เพิ่มขึ้นมากว่า 109,000 รายแล้วเช่นกัน
เจอโรม ซาโลมอน รัฐมนตรีสาธารณสุขของฝรั่งเศส กล่าวว่า "การระบาดของโควิด-19 ในประเทศยังระบาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อควบคุมการระบาด"
รมต.สาธารณสุขฝรั่งเศส ยังกล่าวว่า ความต้องการในการหาสถานที่รองรับผู้ป่วยวิกฤต หรือความจำเป็นในการใช้ห้องไอซียูนั้นกลับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันโดยในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา มีความต้องการใช้ห้องไอซียูเพิ่มขึ้นเพียง 0.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทางด้านประเทศอิตาลี ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 3,039 ราย ซึ่งน้อยที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อิตาลีมียอดรวมผู้ติดเชื้อแล้ว 135,586 รายมากสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก
ขณะที่ผู้เสียชีวิตลดลงจาก 7 เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 604 รายส่งผลให้อิตาลีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17,127 ราย และยังถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุดในโลก
ทางด้านสหรัฐฯ มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 400,000 ราย โดยภายใน 24 ชม. มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 33,331 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,970 ราย ทำให้ในสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12,841 ราย
วานนี้นิวยอร์ก มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 731 รายซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในรัฐแล้วกว่า 3,200 รายซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน (9/11) ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ใจกลางเมืองนิวยอร์ก โดยเหตุการณ์นั้นในนิวยอร์กมีผู้เสียชีวิต 2,753 ราย
ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 1,430,941 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 82,026 ราย