กำลังใจล้น "ผู้ว่าฯ พิษณุโลก" ทำงานไม่หยุดแม้ลูกสาวเฉียดคุก ลั่นจะรบจนวินาทีสุดท้าย
จากกรณี นางสาวเปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ถูกจับกุมเมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2563 กรณีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะขับรถมากับเพื่อนผ่านด่านตรวจบริเวณจุดตรวจแยกไฟแดงเมืองใหม่ จ.มุกดาหาร เวลา 22.30 น. ซึ่งรายงานระบุว่า ขณะถูกควบคุมตัว นางสาวเปรมประภาอ้างตนว่าคือลูกสาวของ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
ในเวลาต่อมา พบว่า นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก "ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฎเคอร์ฟิว ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ" ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากว่าเป็นผู้นำที่ยึดถือเอาความถูกต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว ไม่เข้าข้างหรือใช้อำนาจปกป้องลูกในทางที่ผิด
อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเรื่องกับลูกสาว ผู้ว่าฯ พิษณุโลก ก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่รับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อย่างทุ่มเท ในเฟซบุ๊ก พิพัฒน์ เอกภาพันธ์ มีการอัปเดตมาตรการและแผนดำเนินการรับมือกับโรคอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งล่าสุด นายพิพัฒน์ ได้โพสต์ภาพแชทที่มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่เคารพ ที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ และเจ้าตัวก็ได้ตอบไปว่า "อีก 5 เดือนไวเหมือนโกหกครับพี่ จะเกษียณแล้วครับ ไม่ดึง ไม่ยอมสบายครับ ทำงานเพื่อชาติในยามวิกฤตจากเป็นความภาคภูมิใจไปตลอดชีวิตว่าครั้งหนึ่งเรารบจนสุดใจจนวินาทีสุดท้ายเพื่อสู้กับโรคร้ายโควิด 19 และจะเสียใจที่สุดถ้าไม่ทุ่มเทจนสุดใจและย่อหย่อนแบบขอไปทีครับ" พร้อมระบุข้อความด้วยว่า #ผมจะทำงานจนวินาทีสุดท้ายครับ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ ซึ่งก็มีทั้งชาวพิษณุโลกและชาวโซเชียลเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม
ทางด้านคดีความของลูกสาวนายพิพฒน์ ศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางสาวเปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ในความผิดฐาน กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี