ภาพหดหู่ใจ พี่ชายวัย 11 ขวบ พ่อเลี้ยงตีหัวแตกเลือดอาบ อุ้มน้องสาวไปหาเพื่อนบ้าน
(12 เม.ย. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีโลกโซเชียลได้แชร์ภาพข้อความอันน่าหดหู่ จากพ่อเลี้ยงทำร้านลูกเลี้ยงจนร่างกายได้รับบาดแผลและมีรอยเขียวช้ำ โดยเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพเด็กชายเมียนมาที่ถูกพ่อเลี้ยงชาวไทยทำร้ายร่างกายจนเขียวช้ำ แต่ที่บริเวณศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์มีรอยฉีกขาด และมีการระบุข้อความว่า “ถึงเข้าจะเป็นคนพม่าเขาก็เป็นคนเหมือนกันเห็นแล้วสงสารมากพ่อเลี้ยงตีตีเกือบทุกวันตอนนี้หอมต้องให้เด็กนอนโรงพยาบาลเป็นเยอะมากตีจนหัวแตกตีจนขาแตกเขียวทั้งตัวพ่อเลี้ยงเป็นคนไทย”
หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่าพ่อเลี้ยงรายดังกล่าว และมีการแชร์ออกไปจำนวนมาก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ ได้ติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเจ้าของโพสต์ นางอัชราภรณ์ อายุ 43 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กต้นโพสต์ พร้อมด้วย น.ส.ฐิติมา อายุ 20 ปี ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน เล่าให้ฟังว่า เด็กคนดังกล่าว ชื่อ ด.ช.ตาม สัญชาติเมียนมา พักอาศัยอยู่บ้านเขตเทศบาลเมืองราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยอาศัยอยู่ กับ นายสะออง อายุ 50 ปี นางเอเอมอ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็น ตากับยาย เป็นชาวเมียนมา และอยู่กับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นชาวไทย ชื่อนายหมู (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี อยู่กินนางเอเอแม อายุ 33 ปี ชาวเมียนมา เป็นแม่ของ ด.ช.ตาม ประมาณ 2 ปี เศษ ซึ่งนางเอเอแม มีลูกติดกับสามีเก่า 2 คน คือ ด.ช.ตาม อายุ 11 ขวบ และ ด.ญ.แนนนี่ อายุ 7 ขวบ แต่แม่ของเด็กถูกดำเนินคดี ข้อหาคดียาเสพติดไปเมื่อประมาณ 5 เดือนเศษถูกจำคุกที่เรือนจำกลางราชบุรี ทำให้ เด็กทั้ง 2 คนต้องอยู่ กับพ่อเลี้ยงและตายาย
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย.63 นายหมู พ่อเลี้ยงได้มารับ ด.ช.ตาม ออกไปนอกบ้าน ซึ่งตนทั้ง 2 คนได้ออกไปทำบุญและกลับมาช่วงบ่าย เด็กที่เล่นอยู่ด้วยกันเดินออกมาซื้อไอศกรีมกับน้องตาม ทั้งๆ ที่ตัวนี้มีเลือดไหลเต็มเสื้อ เพื่อนจึงได้เดินมาบอกแม่ของตนเองว่า เด็กชายตามโดนอีกแล้ว ซึ่งตนได้ยินจึงหันไปดู เห็นว่าที่บริเวณที่หัวมีบาดแผล ใบหน้า ทั้งขาและแขนระบมไปหมด หัวแตกเลือดนี่อาบเสื้อเลย ตอนนี้ น้องตามได้เดินอุ้มน้องของตนเอง วัย 7 ขวบ เดินมาตรงที่ตนยืนกันอยู่ ซึ่งตอนนั้นพวกตนเองพูดอะไรไม่ออกเลย เห็นภาพที่น้องตามตัวมีแต่รอยเขียวช้ำ ที่หัวมีเลือดไหลลงเลอะเสื้อเต็มไปหมด และยังต้องอุ้มน้องออกมาหา ทำให้ตนและเพื่อนบ้านหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ทำให้ตนเองทนไม่ไหวจึงได้แจ้งไปยัง 191 เพื่อให้ตำรวจมาช่วยเหลือ
น.ส.ฐิติมา เล่าต่อว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมา มูลนิธิมา และได้พาน้องตามไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา เมื่อถามว่าอาการของน้องตามเป็นอย่างไร “พี่เข้าใจเด็กที่มันโดนเยอะๆ จนมันไม่รู้สึกอะไรเลยไหม” อาการจะประมาณนั้นเลย หมอเย็บแผลที่ศีรษะ ให้สำลีชุบน้ำเกลือถูกล้างแผล น้องตามไม่มีความรู้สึกเลย น้ำตาก็ไม่มี ไม่ร้อง น้องเขานิ่งมาก คุณหมอได้พาน้องไป เอกซเรย์และให้นอนโรงพยาบาล นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่าในครั้งๆที่ผ่านมา และครั้งนี้ไม่ได้โดนเพียงแค่น้องตาม น้องสาว ด.ญ.แนนนี่ อายุ 7 ขวบ ก็โดนตีจนขาเขียวด้วยเช่นกัน เป็นเหตุที่น้องตามจึงอุ้มน้องสาวมาหาพวกตน เพราะกลัวพ่อเลี้ยงจะทำร้ายน้องเหมือนที่ตนเองโดน
ที่ผ่านมานายหมู พ่อเลี้ยง จะมารับเด็กทั้ง 3 คน ในช่วงที่ตากับยายไม่อยู่ เมื่อเด็กทั้ง 2 คน กลับมาก็จะพบรอยถูกตีจนเขียวซ้ำไปทั้งตัว แต่ตากับยายจะรู้โดยตลอดว่าเด็กถูกทำร้าย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นคนสัญชาติเมียนมา และเกรงกลัวว่านายหมูจะทำร้าย ซึ่งตากับยายรักหลานทั้ง 2 คนมาก ตอนนี้ได้เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศเมียนมา เพื่อที่จะหนีนายหมู โดยจะนำหลานทั้ง 2 คนไปด้วย
จากการสอบถามเพื่อนบ้านจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้และเห็นมาตลอดหลังจากที่แม่ของเด็กทั้ง 2 คนถูกจับ และรับไม่ได้กับการกระของนายหมู ทุกครั้งที่ ด.ช.ตาม และ ด.ญ.แนนนี่ ถูกนายหมูรับไปจะมาเล่าให้ตนฟังทุกครั้งว่าถูกพ่อเลี้ยงทุบตีประจำ ซึ่งพวกตนทำอะไรไม่ได้ได้แต่สงสาร แต่มาครั้งนี้สุดทน ที่เห็นเด็กชายตามมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวและเลือดไหล และอุ้มน้องสาวที่มีรอยเขียวช้ำมาหาเป็นภาพที่น่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ส่วนบาดแผลที่ปรากฏบนตัวน้องตาม จะมีพบที่ตรงน่องจะโดนตีเป็นประจำ มีที่ตรงศีรษะมีบาดแผลแตกที่มีการเย็บ มีลอยถลอก และพบที่ตรงมือของน้อง ตรงข้อมือคล้ายกับว่าน้องใช้มือรับ ส่วนสิ่งที่พ่อเลี้ยงใช้ตีคือไม้บรรทัดเหล็กที่แข็ง ไม่ใช่อลูมิเนียม
นางอัชราภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ตำรวจได้เรียกตากับยายไปสอบปากคำ ที่ สถานีตำรวจเมืองราชบุรี ตนก็เข้าไปนั่งฟังด้วย แต่ที่น่าเสียใจที่สุดคือไม่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรกับนายหมูได้ เนื่องจากเนื่องจากตากับยายของเด็กชายตามและเด็กหญิงแนนนี่ ไม่กล้าแจ้งความและไม่กล้าที่จะเอาเรื่อง ซึ่งตำรวจทำอะไรไม่ได้ แต่ผลกลับทำให้ตนเองและครอบครัวต้องกลับมาวิตกกังวล ว่าการที่ตนเองโพสต์แชร์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวออกไป เราไม่คิดว่าจะดำเนินการอะไรกับเขาเราคิดเพียงว่า เราต้องการช่วยเหลือเด็ก
แต่ในเมื่อสถานการณ์มันกลับตาลปัตร ตนเองก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่พรุ่งนี้ตนทั้ง 2 คนจะเดินทางไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ว่าถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับตนและครอบครัวจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลดังกล่าวให้ถึงที่สุด เพื่อให้ตนเองและครอบครัวปลอดภัยไว้ก่อน หากพวกตนเป็นอะไรก็จะเป็นบุคคลที่ออกตามข่าวไป
ทั้งนี้ตนทั้ง 2 คนอยากขอบคุณผู้ที่ใจบุญได้ติดต่อและโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือน้องตาม ตอนนี้อาการโดยรวมน้องดีขึ้นมาก น้องเข็มแข็งมาก น้องมีสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น อยู่ใกล้หมอแต่น้องยังหวาดกลัวพ่อเลี้ยงอยู่ และการที่ตนเองโพสต์เรื่องราวดังกล่าวไปไม่ได้มีความประสงค์จะให้ร้ายใครหรือว่าใคร ตนเองสงสารน้องเพราะเห็นน้องถูกกระทำถึงขนาดนี้ เพราะน้องเป็นคนพม่าการที่จะขอความช่วยเหลือใดยากลำบากมาก
ส่วนการดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยงรายดังกล่าว เบื้องต้น ร.ต.อ.นารีรัตร์ หาญรณงค์พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สภ.เมืองราชบุรี กล่าวสั้นๆว่า เรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ได้รับการประสานจากมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ให้เข้าช่วยเหลือเด็กคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบพบว่าเด็กมีร่องรอยถูกทำร้าย และได้นำตัวพ่อเลี้ยงมาสอบสวนเบื้องต้นแล้ว โดยพ่อเลี้ยงรายดังกล่าวถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนการทำร้ายลูกเลี้ยง ให้เหตุผลว่าเด็กดื้อ เอาสีไปทารถคนอื่น พร้อมกันนี้ได้ให้ตากับยายของเด็ก มาสอบปากคำและสอบถามถึงเรื่องการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยงรายดังกล่าวหรือไม่ ตากับยาย ได้ปฏิเสธที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยงคนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จงได้แต่เพียงลงบันทึกสอบปากคำไว้เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวกับกฎหมายครอบครัว และสิทธิเด็ก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบ