ประกาศใช้แล้ว กม.ฟอกเงินใหม่ ปปง.คุมเพิ่ม9อาชีพ

ประกาศใช้แล้ว กม.ฟอกเงินใหม่ ปปง.คุมเพิ่ม9อาชีพ

ประกาศใช้แล้ว กม.ฟอกเงินใหม่ ปปง.คุมเพิ่ม9อาชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กำหนดให้อีก 9 อาชีพตั้งแต่ร้านค้าทอง เพชรพลอย ขาย-เช่าซื้อรถ นายหน้าค้าที่ดิน ที่ปรึกษาการลงทุน บัตรเครดิต บัตรเงินสด ต้องรายงานธุรกรรมให้ปปง.ตรวจสอบ บังคับสถาบันการเงินต้องตรวจสอบพฤติกรรมลูกค้าเป็นระยะอย่างละเอียด

ผู้สื่อข่าว มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 3 )พ.ศ. 2552 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(วันที่ 22 กรกฎาคม) และให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 120 วันหรือวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 ทั้งนี้สาระสำคัญของ กฎหมายฉบับนี้คือ กำหนดอาชีพเพิ่มอีก 9 ประเภทต้องรายงานการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดเกินจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยให้แก่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)

สำหรับอาชีพทั้ง 9 ประเภท ได้แก่

1.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการดำเนินการ การให้คำแนะนำ หรือการเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุนหรือการเคลื่อนย้ายเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางด้านการลงทุน

2.ผู้ประกอบอาชีพค้าอัญมณี เพชรพลอย ทองคำ หรือเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณีเพชรพลอย หรือทองคำที่เป็นนิติบุคคลล

3.ผู้ประกอบอาชีพค้าหรือให้เช่าซื้อรถยนต์ที่เป็นนิติบุคคล

4.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นนิติบุคคลล

5.ผู้ประกอบอาชีพค้าของเก่าตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่าที่เป็นนิติบุคคลล

6.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับหรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน

7.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจ สถาบันการเงิน(เช่น บัตรกดเงินสดอิออน )

8.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน เช่น บัตรเครดิตอิออน บัตรเครดิตจีอี

9.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส สบายเพย์)

อย่างไรก็ตามเว้นแต่ในกรณีที่ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยที่มีพยานหลักฐานอันสมควรว่ามีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องหรืออาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินกับ สำนักงาน ปปง.มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบอาชีพผู้ประกอบอาชีพ ค้าอัญมณี เพชรพลอย ทองคำ ค้าหรือให้เช่าซื้อรถยนต์ นายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ค้าของเก่าซึ่งมิได้เป็นนิติบุคคลรายงานธุรกรรมต่อสำนักงาน ปปง.ได้ด้วย

นอกจากนั้น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับใหม่ ยังบัญยัติให้ สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพเปนที่ปรึกษาการลงทุน(ข้อ 1)และผู้รับชำระเงินทางอิเล็คทรอนิกส์(ข้อ9)ต้องกำหนดนโยบายการรับลูกค้า การบริหารความเสี่ยงที่อาจเกี่ยวกับการฟอกเงินของลูกค้าและต้องดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าเมื่อเริ่มทำธุรกรรมครั้งแรกโดยต้องตรวจสอบเป็นระยะจนสิ้นสุดดำเนินการเมื่อมีการปิดบัญชีหรือยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกำหนดให้ 6 ประเภทที่ต้องรายงานการทำธุรกรรมแก่ ปปง.ได้แก่

1.ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารตามที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ

2.บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์และบริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

3. บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม

4.บริษัทประกันชีวิและบริษัทประกันวินาศภัย

5.สหกรณ์ซึ่งมีมูลค่าหุ้นรวมตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไปและมีวัตถุประสงค์ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการรับฝากเงิน ให้กู้ ให้สินเชื่อรับจำนองหรือรับจำนำทรัพย์สิน หรือจัดให้ได้มาซึ่งเงินและทรัพย์สินต่างๆ โดยวิธีใดๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook