ทั่วโลกรุมสวด "ทรัมป์" หลังประกาศตัดเงินสนับสนุน "องค์การอนามัยโลก"
ประเทศต่างๆ ทั่วโลก พากันออกมาตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวานนี้ว่าจะระงับเงินบริจาคที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้กับองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ อาจสร้างผลเสียใหญ่หลวงต่อความพยายามต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
ปธน.ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ตนและคณะทำงานได้พิจารณาระงับเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก สืบเนื่องจากบทบาทของอนามัยโลกที่บริหารจัดการผิดพลาดและปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19
ด้านสหภาพยุโรป ระบุในวันพุธว่า ทรัมป์ไม่มีเหตุผลที่ต้องระงับเงินอุดหนุนที่ให้กับ WHO ในช่วงเวลาวิกฤิที่ต้องการความร่วมมือและเป็นเอกภาพ ไม่ใช่ความแตกแยก โดยหัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป โจเซพ บอร์แรล กล่าวว่า อียูเสียใจอย่างยิ่งต่อข่าวนี้ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ WHO ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเพื่อเอาชนะโคโรนาไวรัสที่ไม่สนใจเส้นแบ่งพรมแดน
ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สก็อตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่าตนเสียใจต่อคำวิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อ WHO และจีน พร้อมยืนยันว่าออสเตรเลียจะยังให้เงินสนับสนุน WHO ต่อไป
ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามถึงการรับมือการระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ไม่เพียงพอและเพิกเฉยต่อคำเตือนจากคณะทำงานในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยผู้นำสหรัฐฯ มักกล่าวโทษหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะองค์การอนามัยโลกและสื่อมวลชนแทน
ทั้งนี้ สหรัฐฯให้เงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลกราว 400-500 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตามข้อมูลของผู้นำสหรัฐฯ ขณะที่จีนให้เงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลกราว 40 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ WHO ว่าเอาใจจีนมากเกินไป และมักเรียกโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า "ไวรัสจีน"
บรรดาผู้เชี่ยวชาญมักตั้งคำถามเกี่ยวกับการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่แท้จริงในประเทศจีน โดยบอกว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำเกินไปและไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่การตรวจสอบที่จัดทำโดยสำนักข่าว Associated Press พบว่า มีเวลาล่าช้าไป 6 วัน ระหว่างวันที่เจ้าหน้าที่จีนทราบเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส และวันที่เริ่มมีการเตือนประชาชน ซึ่งระยะเวลา 6 วันดังกล่าวนำไปสู่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 จนยากควบคุมในเวลาต่อมา
จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกแล้วกว่า 2 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 127,000 คน