ส่อคดีพลิก หนุ่มเดลิเวอรี่ร่ำไห้เจอเทออเดอร์ ลูกค้าแจงอีกมุมซื้อมั่ว-พูดจาไม่ดีใส่
จากกรณีหนุ่มรับส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง ถ่ายคลิปตนเองเดินร้องไห้ พร้อมระบุว่า ตนเองนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 500 บาท แต่ซื้ออาหารให้ลูกค้าไปทั้งสิ้น 440 บาท ทำให้เหลือเงินติดตัวอยู่ 60 บาท ปรากฏว่าเมื่อมาส่งลูกค้าไม่รับอาหาร
หนุ่มเดลิเวอรี่ตั้งคำถามพร้อมปาดน้ำตาว่า ตนเองทำอะไรผิด ของก็ซื้อให้จนไม่เหลือเงินกินข้าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ร้านที่ลูกค้าสั่งปิด ตนจึงโทรหาลูกค้าว่าเอาของอีกร้านได้หรือไม่ โดยลูกค้าตกลงและมีการสั่งซื้ออาหารเพิ่ม แต่เมื่อถึงเวลานำสินค้ามาส่งกลับไม่รับและให้ไปเคลมกับบริษัทแทน
ต่อมา ลูกค้าคู่กรณี ได้ออกมาชี้แจงว่า ตนได้กดสั่งอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งไป โดยทางหนุ่มเดลิเวอรี่แจ้งว่าร้านปิด จะไปซื้อให้อีกสาขาหนึ่ง เพราะเข้าใจว่าร้านมี 2 สาขาอยู่ไม่ไกลกัน ทั้งยังถือวิสาสะสั่งเมนูอื่นมาให้โดยไม่โทรแจงก่อน และยังไปซื้ออาหารอีก 2 รายการจากร้านอื่นมาแทน
ซึ่งทางลูกค้ามองว่าหนุ่มเดลิเวอรี่คิดแทนลูกค้า อาหารหมดแล้วไม่แจ้ง แต่กลับไปซื้อร้านอื่นมาให้ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ หนุ่มเดลิเวอรี่ยังโต้กลับด้วยคำไม่สุภาพว่า ไม่ต้องส่งและแดกเองพร้อมวางสาย ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าจะไม่นำอาหารมาให้แล้ว จึงไม่ลงไปรับอาหาร
ต่อมาหนุ่มเดลิเวอรี่โทรมาอีกว่า ทำไมไม่ลงมารับก๋วยเตี๋ยว ทางลูกค้าจึงตอบไปว่านึกว่าหนุ่มเดลิเวอรี่จะนำไปกินเอง พร้อมต่อว่าที่บริการไม่ดี พูดจาแย่ และซื้อออเดอร์มั่ว ทางหนุ่มเดลิเวอรี่จึงโวยวายเรื่องเงินที่ต้องจ่ายซื้ออาหารไปก่อน
ทางลูกค้าจึงตอบว่าจะติดต่อคอลเซ็นเตอร์ให้ชดเชยให้กับหนุ่มเดลิเวอรี่ และทางลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะไม่รับอาหารเพราะไม่พอใจในการบริการ เมื่อวางสายก็ได้ยินเสียงหนุ่มเดลิเวอรี่ตะโกนด่าหยาบคายอยู่หน้าบ้านก่อนขับรถออกไป
ลูกค้าตั้งคำถามว่าใครจะกล้ากินอาหารที่มาส่งบ้าง ไม่รู้แหล่งที่มาของอาหาร หน้าตาคนส่งกับในแอปฯ ก็คนละคน โทรไปถามร้านก็แจ้งว่าไม่มีรายการอาหารที่สั่ง จึงไม่รู้ว่าหนุ่มเดลิเวอรี่ไปซื้อมาจากไหน ซึ่งล่าสุดทางแอปฯ ยังไม่ออกคำชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะออฟฟิศหยุดให้บริการช่วงโควิด-19
ทั้งนี้ ต่อมาหนุ่มเดลิเวอรี่ได้โพสต์ชี้แจงว่าเพื่อความสบายใจของตนและครอบครัว จะขอโอนเงินคืนให้กับผู้ที่โอนเงินมาช่วยเหลือในตอนแรก โดยตนจะไม่ขอรับเงินช่วยเหลือในส่วนนี้อีก