ไทยเร่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ลั่นถ้าผลิตได้เองจะเป็นพื้นฐานรับมือโรคใหม่ในอนาคตด้วย
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เร่งสร้างการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประเทศไทย ทั้งการพัฒนาวัคซีนต้นแบบในประเทศ โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยู่ระหว่างพัฒนาวัคซีนต้นแบบเพื่อทดสอบในสัตว์ทดลอง และอยู่ระหว่างการเจรจาสร้างความร่วมมือในการวิจัยวัคซีนกับจีน
เมื่อวานนี้ (19 เมษายน 2563) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางสร้างการเข้าถึงวัคซีนให้กับประเทศไทยให้เร็วที่สุด โดยการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศในการศึกษาวิจัยวัคซีนมาทดสอบในประเทศไทย ได้ประสานกับสถานทูตจีนติดตามความก้าวหน้าการทำข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศจีนร่วมศึกษาวิจัยทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 2
ขณะเดียวกัน ในประเทศได้มีความร่วมมือพัฒนาวัคซีนต้นแบบระหว่างหน่วยงาน ได้แก่ การวิจัยของคณะแพทยศาสตร์จุฬา กับบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองในสัตว์ก่อนเข้าสู่การทดสอบในคน นำไปสู่การผลิตวัคซีนได้เองภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญในการรับมือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย
ด้าน ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยู่ระหว่างการตรวจระดับภูมิคุ้มกันในเลือดของสัตว์ทดลองที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้นแบบ 2 ครั้ง ในการการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์จุฬา กับบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย ส่วนการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างการเพิ่มจำนวนไวรัส เพื่อนำไปฆ่าเชื้อเป็นวัคซีนเชื้อตาย นำไปฉีดในสัตว์ทดลอง
ทั้งนี้ การพัฒนาวัคซีนหลังจากการทดสอบในสัตว์ทดลอง จะทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในคนอีก 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ทดสอบความปลอดภัยในคน 30-50 คน ระยะที่ 2 การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน กลุ่มเล็ก 100–150 คน และระยะที่ 3 ให้ผลในการป้องกันโรคในกลุ่มใหญ่ 500 คนขึ้นไป