ผู้กำกับเก๊แต่งเครื่องแบบเต็มยศ-ขับรถหรูทั่วเมือง หลอกสาวแต่งงาน สุดท้ายโป๊ะแตก!

ผู้กำกับเก๊แต่งเครื่องแบบเต็มยศ-ขับรถหรูทั่วเมือง หลอกสาวแต่งงาน สุดท้ายโป๊ะแตก!

ผู้กำกับเก๊แต่งเครื่องแบบเต็มยศ-ขับรถหรูทั่วเมือง หลอกสาวแต่งงาน สุดท้ายโป๊ะแตก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(20 เม.ย.63) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.อภิชาต ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ บุญทรง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งจากภูธรจังหวัด และตำรวจภูธรลาดยาว ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายกฤตภาส อายุ 50 ปี ชาว ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ขณะขับรถเบนซ์ รุ่น E250 สีขาว หมายเลขทะเบียนปลอม สว 7667 กรุงเทพมหานคร มาหาเพื่อนสาว โดยจากการตรวจค้นภายในรถ พบ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 ม.ม. ยี่ห้อ Glock30 บรรจุกระสุนภายในแม็กกาซีน 6 นัด จึงยึดไว้ตรวจสอบก่อนขยายผลไปตรวจสอบห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 ต.ลาดยาว พบเครื่องแบบข้าราชการตำรวจกากีแขนยาว พร้อมหมวก รองเท้าแก้ว  1 ชุด โดยที่ชุดมีการติดยศพันตำรวจเอก และติดเข็มพระราชทาน พระรูป พระเจ้าหลานยาเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เอาไว้ด้วย

สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 6 ได้รับเบาะแสว่านายกฤตภาส ซึ่งมีพฤติการณ์ชอบแอบอ้างตนเองเป็นตำรวจระดับผู้กำกับการ และมักจะชอบแต่งกายในเครื่องแบบเต็มยศไปอวดโฉมตามที่ต่างๆ รวมถึง ยังไปหลอกลวงหญิงสาวรายหนึ่ง ระบุตัวตน นอกจากจะเป็นตำรวจยศใหญ่ ระดับมีเข็มพระราชทานแล้ว ยังมีอาชีพทำรับเหมาก่อสร้างด้วย จนสาวรายนั้นหลงเชื่อและเตรียมให้ฝ่ายชายมาทำพิธีหมั่นสู่ขอเพื่อแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ แต่เนื่องจากเพื่อนผู้ร่วมงานของหญิงสาวคนดังกล่าวเกิดความสงสัย เพราะดูมีพิรุธหลายอย่าง จึงได้ก๊อบปี้ถ่ายภาพของนายกฤตภาสที่เอาไปโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับนำประวัติส่งไปให้กับตำรวจภูธรภาค 6 ให้ตรวจสอบ จึงพบความจริงว่า นายกฤตภาส ไม่ได้เป็นตำรวจอย่างที่กล่าวอ้าง ซึ่งทำให้เสื่อมเสียต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก จึงประสานตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ และตำรวจภูธรท้องที่ ให้ร่วมกันสืบสวนก่อนจะดำเนินการจับกุมตัว

จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายกฤตภาส ให้การระบุว่า ตนเองมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยมีบริษัทและจดทะเบียนในนามอริสรากรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้เข้ามารับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ มานานหลายเดือนแล้ว ส่วนชุดเครื่องแบบตำรวจ เนื่องจากตนมีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโอกาส ประกอบกับชุดเครื่องแบบตำรวจน่าจะช่วยคอยอำนวยความสะดวกให้กับตน ทั้งเรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเดินทาง หรือแม้กระทั่งไว้อวดเพื่อเกี้ยวหญิงสาว ตนจึงไปหาซื้อเครื่องแบบมาใส่ พร้อมกับติดยศตั้งตนเป็นพันตำรวจเอกระดับผู้กำกับ ซึ่งตนมักก็มักจะใส่ชุดตำรวจเดินทางไปทำงานเป็นประจำ แต่หากไม่ได้สวมใส่ ก็จะเอาแขวนไว้ในรถ จะได้สะดวกเวลาเดินทางไปไหนแล้วเจอด่านตำรวจอวดอ้างเพื่อความสะดวกในการผ่านด่าน

"เครื่องหมายตราสัญลักษณ์พระราชทาน ผมได้มาจากนายบุญเหลือ ซึ่งเขามีเครื่องหมายสัญลักษณ์ดังกล่าวอยู่ 2 อัน แล้วเห็นว่าผมชอบ จึงได้แบ่งให้มา 1 อัน เพื่อเก็บเอาไว้บูชา แต่ผมก็เอาเครื่องหมายสัญลักษณ์นี้มาติดไว้ที่ชุดตำรวจเพื่อหวังเพิ่มบารมี ซึ่งก็สามารถทำให้ผมสามารถอวดอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโตเยอะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่รู้จัก  และในเร็วๆ นี้ ก็เตรียมจะทำพิธีไปสู่ขอหญิงสาวที่ตนชอบ เพื่อขอแต่งงาน แต่สุดท้ายความดันมาแตกถูกจับกุมเสียก่อน"

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ตำรวจคุมนายกฤตภาสไปสอบปากคำ ปรากฏว่า มีบุตรสาวของเจ้าตัวรีบเดินทางมาที่โรงพัก ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ จึงได้สอบถามจนทราบว่า มีคนมาแจ้งข่าวว่าบิดาถูกจับในข้อหาแต่งกายเป็นตำรวจเก๊ไปหลอกแต่งงานกับหญิงสาว ก็รู้สึกตกใจและแปลกใจที่ไม่เคยทราบว่าบิดามีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน ส่วนอดีต บิดาได้หย่าร้างกับมารดามานานกว่า 5 ปี ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว แต่ก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่ ด้วยความห่วงใยจึงรีบลางานที่ทำอยู่ในอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วรีบเดินทางมายังโรงพักที่บิดาถูกจับเพื่อช่วยประกันตัว.

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook