"หมอปราเสริฐ" มหาเศรษฐีอันดับ 11 ตอบรับคำขอนายกฯ ให้เงินร้อยล้านแก้ภัยแล้ง

"หมอปราเสริฐ" มหาเศรษฐีอันดับ 11 ตอบรับคำขอนายกฯ ให้เงินร้อยล้านแก้ภัยแล้ง

"หมอปราเสริฐ" มหาเศรษฐีอันดับ 11 ตอบรับคำขอนายกฯ ให้เงินร้อยล้านแก้ภัยแล้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“หมอปราเสริฐ” มหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 11 ขานรับมาตรการ “บิ๊กตู่” พร้อมทุ่ม 100 ล้านบาทขุดบ่อนำน้ำใต้ดินมาใช้แก้วิกฤติภัยแล้งหลัง “โควิด” คลี่คลาย

นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้ง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS เจ้าของการกิจการเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไทย เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ในฐานะมหาเศรษฐีไทยอันดับที่ 11 ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ล่าสุดเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะส่งจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีของไทยเพื่อขอความร่วมมือให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่มาช่วยเหลือเยียวยาประชาชนคนไทยที่กำลังเดือดร้อนจากผลกระทบ “ไวรัสโควิด” ว่า

สำหรับตนในฐานะที่มีความพร้อมด้านการบินและการแพทย์ ก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่แพทยสภา และกระทรวงสาธารณสุข ในการนำเครื่องบินไปรับส่งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก เพื่อเดินทางไปรักษาคนไข้ติดเชื้อในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะที่ภูเก็ต และส่วนอื่นๆ ของประเทศ พร้อมกับเข้าไปช่วยให้การศึกษาแก่ผู้คนในการระมัดระวังการติดเชื้อไวรัสจนประสบความสำเร็จในหลายจังหวัด

“ถึงขณะนี้หากแพทยสภาและกระทรวงสาธาณสุขต้องการให้ช่วยเรื่องใด ผมก็พร้อมจะช่วยเหลือทันทีอยู่แล้ว ส่วนที่นอกเหนือจากสิ่งที่ทำไปแล้วก็คือ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีร้องขอมา ผมคิดว่าปัญหาที่ประเทศไทยเราจะต้องพบเจออีกต่อจาก โควิด-19 ก็คือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ ผมจึงอยากจะช่วยรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดสุโขทัย”

สำหรับสาเหตุที่ต้องเป็นจังหวัดสุโขทัยก็เพราะใต้ดินมีน้ำจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้เพื่อการเกษตรกรรมได้ เดิมทีสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียงใช้น้ำจากแก่งเสือเต้นซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เมื่อรัฐบาลไม่ให้ใช้แก่งเสือเต้น น้ำที่หลากมาในยามฤดูฝนก็จะไหลผ่านเมืองลงทะเลไป ไม่สามารถเก็บกักมาใช้ทำประโยชน์ได้เลยในหน้าแล้ง ไปดูตอนนี้ก็ได้ว่าแม่น้ำยมสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ เพราะน้ำแล้งแห้งขอดไปหมด

“ผมอยากจะช่วยออกเงินให้รัฐส่งผู้แทนจังหวัดมา มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสม และไม่ทำให้เจ้าของที่ดินเดิมเดือดร้อน พร้อมทหารช่าง รวมถึงอาจจะจ้างทหารที่เกษียณราชการแล้ว แต่ยังมีกำลังวังชาอยู่ มาช่วยกันขุดบ่อน้ำเล็กๆ ให้ชาวบ้านมีน้ำไว้ใช้ ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ เราอาจใช้เวลาขุดบ่อน้ำให้ชาวบ้านไว้เลี้ยงปลา และทำนาปรังได้ภายในเวลาเพียง 10 วัน เท่านั้น”

นพ.ปราเสริฐ กล่าวว่า ตนมีเครื่องไม้เครื่องมือและรถแบคโฮในการก่อสร้างทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรอยู่มาก สามารถนำมาใช้เพื่อการนี้ได้ ผมตั้งงบไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อขุดน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ แต่กรณีนี้ต้องให้รัฐ บาลยินยอมที่จะให้มีการขุดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ด้วย เมื่อแต่ละจังหวัดมีน้ำใช้เพียงพอ เกษตรกรก็สามารถจะจับปลาไปขาย และมีน้ำไว้ทำนาปรัง ซึ่งเชื่อว่าปีหน้าราคาข้าวน่าจะสูงขึ้นเพราะปีนี้น้ำแล้งปลูกข้าวไม่ค่อยได้

“ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กว่าการเอาเงินไปให้รัฐบาล หรือโรงพยาบาล ซึ่งผู้มีความสามารถหลายคนก็บริจาคกันไปมากแล้ว แต่การเตรียมการหลัง โควิด-19 หยุดแพร่ระบาดยังไม่ได้มีคนคิด ผมจึงคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่สำคัญ เรายังสามารถจะขุดลอกแม่น้ำยมให้มีความลึกได้มากกว่านี้ หรือลึกลงไปราว 20 เมตร เพื่อเอาน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ หรืออย่างบึงบอระเพ็ด ซึ่งเคยเป็นทะเลสาปใหญ่ของจังหวัดนครสวรรค์ ก็สามารถจะขุดให้ลึกลงไปได้อีกเพื่อนำน้ำใต้ดินมาใช้ และเก็บกักน้ำไว้ในยามน้ำแล้งได้ โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูฝนก็ไม่ต้องปล่อยให้น้ำฝนไหลผ่านลงทะเลไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมคิดว่า ข้อเสนอของผมน่าจะช่วยรัฐบาลและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มาก” นพ.ปราเสริฐ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook