สาวไทยที่เนเธอร์แลนด์ติดโควิด-19 ต้องรักษาตัวเองที่บ้าน เทียบการแพทย์ไทยดีกว่า
(21 เม.ย. 63) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sirilak Cool ซึ่งเป็นหญิงชาวไทย อาศัยอยู่เนเธอร์แลนด์ โพสต์คลิปในสภาพไม่สบาย อ่อนแรง เสียงแหบนอนอยู่บนเตียง เล่าถึงผลการตรวจโควิด-19 ซึ่งปรากฏว่าติดเชื้อ โดยระบุว่า หน่วยงานโรคติดต่อ เนเธอร์แลนด์โทรมา บอกผลการตรวจโควิด สรุปผลเป็นบวก
ตนเป็นโควิด-19 อาจจะเป็นคนไทยคนแรกในเนเธอร์แลนด์ การรักษาคือถ้าเมื่อไหร่เหนื่อยหายใจไม่ไหว ให้โทรศัพท์หาหมอบ้านแล้วถึงจะส่งไปโรงพยาบาล แต่ก็เชื่อว่าโทรไปคงไม่ได้ไป เพราะนโยบายให้รักษาที่บ้าน ดูแลตัวเอง กินยา รักษาตามอาการ หมอก็ไม่ได้มาที่บ้าน ก็ยังมีไข้อยู่ หายใจสั้นๆ เหนื่อยบ้าง จึงได้ยาพ่นเพิ่มมาเวลาเหนื่อย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นโรคปอดอยู่แล้ว สรุปก็คงต้องดูแลตัวเองต่อที่บ้านไป ต้มน้ำขิงกินอย่างที่เพื่อนบอกทุกวัน ตอนนี้ใครก็เข้ามาไม่ได้ เพราะรู้แล้วว่าติดเชื้อ
ก่อนหน้าจะมีไข้วันที่ 15 เม.ย. มีเพื่อนเข้ามาที่บ้าน อยู่ใกล้ชิด ตอนเราทำสวนเขาก็มานั่งจามอยู่ เราก็ยังแซวว่าเป็นโควิดหรือเปล่าเนี่ย มาจามใส่ฉัน เขาก็บอกเป็นโรคแพ้เกสรดอกไม้ คนที่เนเธอแลนด์จะเป็นเยอะ เราก็ไม่รู้ว่าติดมาจากใคร เพราะเพื่อนไม่ได้ออกอาการอะไร ไม่แน่ใจว่าเพราะเพื่อนเป็นผู้ชายแข็งแรงหรือเปล่า พอถามหมอว่าจะตรวจให้เพื่อนคนนี้ได้ไหม ว่าติดเชื้อหรือ เขาก็ไม่ตรวจ ไม่เหมือนเมืองไทย ที่ตรวจให้ทั้งคนมีอาการ และคนที่ใกล้ชิดสัมผัสกับคนป่วย กว่าตนจะได้ตรวจต้องขอร้องถึง 2 ครั้ง และสรุปก็เป็นโควิดจริงๆ
โดยก่อนหน้านี้ หญิงรายนี้โพสต์เล่าว่า มีอาการป่วยมานานกว่า 6 วัน มีไข้ 38-39 องศาเซลเซียสตลอด หาหมอ 2 รอบแล้ว อ้อนวอนหมอว่าได้โปรดตรวจหาเชื้อไวรัสให้หน่อย แค่อยากรู้ว่าใช่โควิดหรือไม่ใช่ ตอนแรกหมอยังบอกว่ารัฐบาลเปลี่ยนกฏใหม่ให้ส่งตรวจเฉพาะคนที่ทำงานด้าน Health Care แต่ตนโทรถาม GGD (หน่วยงานโรคติดต่อ) แล้ว GGD บอกว่าใช่กฎตามนั้น แต่เธอมีโรคประจำตัวคือความดันสูงและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังอยู่ มันคือพวกกลุ่มเสี่ยง และกฎก็ย่อมมีข้อยกเว้น
วันก่อนที่พบหมอผู้หญิงตนถูกปฏิเสธที่จะตรวจให้ แต่ก็ดึงดันขอพบหมออีกครั้ง จนได้พบหมอผู้ชายซึ่งเป็นหัวหน้าหมอในคลินิก และตรวจอาการเบื้องต้นก่อน พบว่าไข้ยังสูง ความดันค่อนข้างต่ำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นความดันสูง และ ยังมีหอบเหนื่อย หมอจึงยอมเทสต์ Swab เสมหะและน้ำมูกส่งตรวจโควิด-19 ตนบอกว่าขอแค่รู้ หากเป็นจะได้กักตัวเองต่อหลังหายไข้ หรืออาจบริจาคเลือดเพื่อสกัดพลาสมาทำแอนติบอดี้ หากเป็นไข้หวัดใหญ่หรือหวัดธรรมดา คนอื่นจะได้เลือกกลัว