แม้โควิด-19 ระบาด แต่บาทหลวงในสหรัฐฯ ยังคงเปิดให้สารภาพบาปแบบ Social Distancing

แม้โควิด-19 ระบาด แต่บาทหลวงในสหรัฐฯ ยังคงเปิดให้สารภาพบาปแบบ Social Distancing

แม้โควิด-19 ระบาด แต่บาทหลวงในสหรัฐฯ ยังคงเปิดให้สารภาพบาปแบบ Social Distancing
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การสารภาพบาปเป็น 1 ในศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการของชาวคริสต์ 2 นิกายหลักคือ ออโธด็อกซ์และโรมันแคธอลิก ซึ่งประกอบด้วย

1) ศีลล้างบาป (Baptism) เป็นการล้างบาปกำเนิดและบาปทุกอย่างที่ติดตัวมาก่อนหน้านั้น เพื่อให้กลับไปเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นคริสตศาสนิกชน

2) ศีลมหาสนิท (Eucharist) เป็นการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันของเหล่าคริสตชนและความสัมพันธ์กับพระเจ้า ผ่านการระลึกถึงการสิ้นชีวิต และการคืนชีพของพระเยซู

3) ศีลอภัยบาป (Penance) เป็นการสารภาพความผิดและชดใช้โทษบาป เพื่อให้ตนได้กลับไปคืนดีกับพระผู้เป็นเจ้า

4) ศีลกำลัง (Confirmation) เป็นการเสริมสร้างการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ ทำให้ได้รับพรจากพระจิต และพร้อมที่จะอุทิศตนรับใช้คริสตศาสนา

5) ศีลสมรส (Matrimony) เป็นการแสดงตนต่อพระเจ้าและชาวคริสต์ทั้งหลายว่าทั้งสองจะใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยาอย่างซื่อสัตย์

6) ศีลเจิมคนไข้ (Anointing of the Sick) เป็นการช่วยให้ผู้ป่วยได้ความรอดไปสู่สุคติ

7) ศีลอนุกรม (Holy Orders) เป็นการบวชในศาสนาคริสต์เพื่ออุทิศตนเป็นผู้รับใช้พระเจ้า และอบรมสั่งสอนคนทั่วไป

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะการสารภาพบาปซึ่งเป็นศีลอภัยบาป หมายถึง เมื่อได้รับศีลล้างบาปแล้วมนุษย์ก็จะบริสุทธิ์จากบาปที่ติดตัวมาแต่เกิด (บาปของอาดัมและอีฟซึ่งตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคน) แต่ครั้นมนุษย์เติบโตขึ้น มนุษย์ก็พลาดพลั้งทำบาปด้วยตัวเอง จึงต้องถูกลงโทษตามกฎแห่งกรรม

ดังนั้นจึงมีศีลศักดิ์สิทธิ์คือ “ศีลแห่งการคืนดี” โดยเด็กๆ ที่เติบโตมาจึงเรียนรู้ที่จะกลับมาขอโทษพระผู้เป็นเจ้าทุกครั้งที่กระทำบาป และได้รับการอภัยโทษ โดยเข้าไปขอสารภาพบาปกับพระทางคริสตศาสนาผู้เป็นคนกลางระหว่างพระกับมนุษย์ ท่านให้อภัยในนามของพระผู้เป็นเจ้า

เงื่อนไขสำคัญของศีลอภัยบาปคือต้องเสียใจ เพราะเราได้กระทำบาปนั้น และตั้งใจว่าจะไม่กระทำอีก เหมือนกับความรักของพ่อที่มีต่อลูกผู้สำนึกผิดกลับมาขอโทษ และพ่อให้อภัย เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ทุกครั้งที่เราผิดพลาดไป

ว่าไปแล้วก็คล้ายกับทางศาสนาพุทธที่มีการปลงอาบัติของพระภิกษุซึ่งมีหลักสำคัญคล้ายกันคือ ผู้ที่ปลงอาบัติต้องสำนึกผิดจริงๆ ด้วย

โดยทั่วไปแล้วศีลอภัยบาปนี้จะทำกันเป็นความลับระหว่างพระกับผู้สารภาพบาปเองเท่านั้น ส่วนใหญ่ผู้ไปสารภาพบาปกับพระจะไม่เห็นกันเพราะมีผ้าม่านหรือผนังบางๆ กั้นอยู่ และถือเป็นจรรยาบรรณของพระเลยที่จะไม่เปิดเผยความลับของผู้สารภาพบาปกับใครทั้งสิ้น ซึ่งศีลอภัยบาปนี้ดูเป็นคุณูปการต่อชาวคริสต์เหลือหลายเพราะทำให้ผู้ที่สารภาพบาปได้ระบายความหนักอกหนักใจออกมาเสียบ้าง

แล้วทีนี้พอเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นทั่วโลก การป้องกันที่สำคัญก็คือการอยู่ห่างกันสัก 2 เมตร ทำให้การให้ศีลอภัยบาปมีปัญหาทันที ดังนั้นบาทหลวง (นักบวชในศาสนาคริสต์) สก็อตต์ โฮลเมอร์ จากโบสถ์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ในเมืองโบวี่ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ห่างจากกรุงวอชิงตัน 30 กิโลเมตร จึงเอาเก้าอี้มาวางไว้ที่ลานจอดรถหน้าโบสถ์ และนำกรวยจราจรมาวางกั้นเป็นที่จอดรถห่างจากจุดที่เขานั่งประมาณ 3 เมตร เปิดเป็นช่องให้คนขับรถเข้ามาสารภาพบาปได้แบบไม่ต้องลงจากรถยนต์

ปกติแล้วการสารภาพบาปจะทำกันในช่องที่กั้นเป็นห้องแคบๆ โดยที่บาดหลวงและผู้สารภาพบาปจะมองไม่เห็นหน้ากัน เพราะมีที่กั้น จะได้ยินแค่เสียง ซึ่งเมื่อบาทหลวงโฮลเมอร์ย้ายที่สารภาพบาปมาที่ลานจอดรถ ท่านจะสวมใส่ที่ปิดตาเมื่อมีคนขับรถเข้ามาสารภาพบาป เพื่อไม่เป็นการเปิดเผยตัวตนของผู้สารภาพบาป

ทั้งนี้ บาทหลวงโฮลเมอร์บอกว่า การสารภาพบาปที่ลานจอดรถเป็นการดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องติดโรค เพราะทั้งบาทหลวงและผู้สารภาพบาปอยู่ไกลกัน และเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีการถ่ายเทของอากาศจึงปลอดภัย และท่านบอกว่าหลายคนรู้สึกดีใจมากที่ยังเข้ามาสารภาพบาปและรับพรจากพระเจ้าได้อยู่

ในช่วงเวลาที่ลำบากแบบนี้ท่านบอกว่าจะเปิดการสารภาพบาปแบบไม่ต้องลงจากรถไปเรื่อยๆ จนกว่าโบสถ์จะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ซึ่งท่านจะนำเก้าอี้มาตั้งและนั่งอยู่ที่เดิมทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และวันที่ฝนตก เพื่อปฏิบัติหน้าที่บาทหลวงต่อไป

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ แม้โควิด-19 ระบาด แต่บาทหลวงในสหรัฐฯ ยังคงเปิดให้สารภาพบาปแบบ Social Distancing

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook