คนใกล้ชิดเผยอภิสิทธิ์ส่อเด้งพัชรวาทสูง
แนะจับตาใกล้ชิดเผยโอกาส อภิสิทธิ์ เด้ง พัชรวาท สูง แก้ตอสอบสวนคดี สนธิ ขณะที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อหา ผบ.ตร.เพิ่ม เป็นผิดวินัยร้ายแรงและอาญา คดีสลายม็อบ 7 ต.ค. ด้านเจ้าตัวเก็บตัวเงียบหลังมีข่าวลือถูกเด้งก่อนเกษียณ
(28ก.ค.) รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระเเสข่าวโยกย้าย พ.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ว่า ขอให้รอดูคำพูดของนายกฯในช่วงคืนวันนี้ ที่จะไปร่วมงานรับประทานอาหารค่ำกับนักธุรกิจจีนที่พัทยา จ.ชลบุรี หรือรอสัมภาษณ์นายกฯในวันที่ 29 ก.ค.นี้ว่า จะเอาอย่างไร เมื่อถามว่า วันนี้นายกฯนั่งรถไปพัทยาพร้อมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เรื่องนี้จะได้ข้อสรุปหรือไม่ แหล่งข่าวคนดังกล่าวระบุว่า รอดูก่อน
เมื่อถามว่า หากเเนวโน้มเป็นเช่นนี้เเสดงว่า โอกาสที่จะย้ายผบ.ตร.มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯมีสูง เเละมาจากเหตุผลใด แหล่งข่าวรายเดิม ระบุว่า มีเรื่องร้องเรียนมายังนายกฯหลายคดี เช่น คดีในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ คดีการเมืองอื่น ๆ ว่า ความคืบหน้าไปถึงไหนบ้าง นายกฯก็เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบถามความคืบหน้า เเละน่าจะตัดสินใจได้ในช่วงสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกันที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันนี้ (28 ก.ค.) คณะทำงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่รัฐสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ด้วยความรุนแรง จนมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ได้สรุปรายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วกี่ปาก อย่างไรบ้าง ซึ่งที่ประชุมก็ได้พิจารณา แต่ยังไม่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้ โดยเมื่อพิจารณาแล้วที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ายังมีบุคคลอีก 2 คน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แต่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 คนนั้น ดังนั้นจึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 คน ทำให้คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้นรวมเป็น 9 คน ซึ่งทั้ง 2 คนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวว่าในวันนี้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า และมีกรณีปรับข้อกล่าวหาเพิ่มเติม จากความผิดวินัยไม่ร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำนวน 1 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เนื่องจากพยานหลักฐาน พยานบุคคล และพยานเอกสาร ให้การยืนยันถึงบุคคลดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกรณีที่ควรแจ้งข้อกล่าวหาอย่างร้ายแรง ส่วนการวินิจฉัยนั้นจะอยู่ในอีกขั้นตอนหนึ่ง
เมื่อถามว่าได้มีการนัดวันประชุมเพื่อพิจารณาชี้มูลคดีนี้หรือยัง นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ยังไม่ได้นัด เพราะยังมีขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา การเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม และขั้นตอนอื่นๆอีก แต่เท่าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้หารือกัน ก็เห็นว่าสำนวนคดีนี้ยังเหลือข้อมูลที่จะต้องเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้น จึงคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนนาน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าคดีนี้อาจจะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท หรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ทาง ป.ป.ช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนไปตามข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานการทำผิดที่ชัดเจนก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ดังนั้นการทำงานของ ป.ป.ช.จึงไม่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายใดๆ และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองด้วย รวมไปถึงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆ เพราะ ป.ป.ช.พิจารณาเฉพาะเรื่องที่อยู่ในอำนาจของตัวเองเท่านั้น ถ้าเห็นว่าผิดก็จะชี้มูล แต่ถ้าไม่ผิดก็จะให้เรื่องตกไป เราจะไม่มีการโยงเรื่องไปเกี่ยวกับคดีอื่นๆเด็ดขาด
ด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่รัฐสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ด้วยความรุนแรง จนมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก กล่าวว่า วันนี้(28 ก.ค.) คณะทำงานไต่สวนได้สรุปสำนวนการไต่สวนให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบแล้ว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 คน โดยเป็นผู้ที่ถูกกล่าวเดิม 1 คน แต่เพิ่มความผิดทางวินัยร้ายแรงและความผิดประมวลกฎหมายอาญา ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้ถูกกล่าวหาใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อทั้ง 3 คนได้ ทั้งนี้จะมีการทำหนังสือด่วนแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนได้รับทราบภายในวันที่ 3 ส.ค.นี้
ผบ.ตร.เก็บตัวเงียบหลังมีข่าวลือถูกเด้งก่อนเกษียณ
บรรยากาศที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อาคาร 1 ชั้น 7 พล.ต.อ.พัชรวาท เก็บตัวเงียบอยู่ในสำนักงานตั้งแต่ช่วงเช้า มีการเซ็นเอกสารและทำงานอยู่ภายในห้องตามปกติ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในสำนักงานทราบว่า ผบ.ตร.ทำงานตามปกติ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดหรือเครียดกับกระแสข่าวลือจะถูกการโยกย้ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่ากระแสการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ก่อนจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ มาจากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ถูกแรงกดดันจากบุคคล 4 คน ประกอบด้วยพลตำรวจเอกในราชการ 2 คน พลตำรวจเอกนอกราชการ 1 คน และคนสุดท้ายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในการสร้างมวลชน ซึ่งเรียกกันว่าแก๊ง 4 สหาย โดยเบื้องต้นสร้างกระแสกดดันให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อต่อรองกับการคุมการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย และคำสั่งจะมีผลต้นเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทุกครั้งที่มีการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจและตรงกับช่วงเวลาที่ตำแหน่ง ผบ.ตร.จะเกษียณอายุราชการ จะมีกระแสข่าวปลดตำแหน่งผบ.ตร.ทุกครั้ง