"พันธ์​ยศ" เคลียร์ใจ "อัจฉริยะ" จับมือเปิดโปงคดีหน้ากากอนามัย ทุจริตระดับชาติ

"พันธ์​ยศ" เคลียร์ใจ "อัจฉริยะ" จับมือเปิดโปงคดีหน้ากากอนามัย ทุจริตระดับชาติ

"พันธ์​ยศ" เคลียร์ใจ "อัจฉริยะ" จับมือเปิดโปงคดีหน้ากากอนามัย ทุจริตระดับชาติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายพันธ์ยศ​ อัครอมรพงศ์​ ประธานสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน​ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่มีข่าวคราวของตนไปเกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยนั้น สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก​ เนื่องจากในเรื่องนี้ตนไม่ได้เป็นเพียงแต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์กลางของเหล่ามิจฉาชีพและกระบวนการกักตุนสินค้าเพียงเท่านั้น​ แต่ยังมีเรื่องที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าตน เข้าไปพัวพันกับทุจริตเชิงนโยบายในเรื่อง สินค้าควบคุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎหมายใหม่มาเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 ว่าให้หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เป็นสินค้าควบคุม

อีกทั้งผลพวงของการออกกฎหมายฉบับนี้ทำให้ นักธุรกิจหลายๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตกเป็นผู้ต้องหาและถูกสังคมประณามว่า เป็นคนไม่ดี เพราะเป็นผู้กักตุนสินค้าในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าประเทศไทยได้ทราบข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้มาตั้งแต่เดือน ม.ค.​ 2563 ในระหว่างนั้นจนถึงวันที่ 4 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ในเรื่องของหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์​ ในขณะนั้นหน้ากากอนามัยจะมีราคาที่สูงขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว​ และเริ่มที่จะหายาก บวกกับราคาของวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัยก็มีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายเท่าตัว​

แต่ความตื่นตัวในการใช้หน้ากากอนามัยของประชาชนภายในประเทศ ยังไม่ได้มีการใช้หน้ากากอนามัยกันอย่างแพร่หลาย จะมีก็เพียงแต่การใช้หน้ากากอนามัยในทางการแพทย์ ตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ เท่านั้น​

นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนมีโอกาสคลุกคลีกับเรื่องนี้มาโดยตลอด มีความเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ หน้ากากอนามัยจะขาดแคลน และไม่เพียงพอต่อการใช้งานของประชาชนในประเทศไทย รวมทั้งวันที่มีประกาศของกระทรวงพาณิชย์ออกมา​ เรื่องให้หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์​เป็นสินค้าควบคุม​ เท่าที่จำได้ในวัน นั้นเรายังไม่เห็นคนไทยใส่หน้ากากอนามัยเดินอยู่ตามถนนหรือแหล่งชุมชนต่างๆ เลย​ นั่นหมายความว่าการกล่าวอ้างว่าประเทศไทยขาดแคลนหน้ากากอนามัยและมีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน​ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติและมีข้อสงสัยเกิดขึ้นอย่างมากมาย​

โดยเฉพาะในเรื่องของราคาหน้ากากอนามัย​ ที่กระทรวงพาณิชย์ให้จำหน่ายที่ราคา 2.5​0 บาท​ต่อชิ้น ที่ประกาศออกมาซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในตลาดเลย ทำให้ตนและทีมงานคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการทุจริตเชิงนโยบายระดับชาติก็เป็นได้​ เพราะตอนนั้น ตนเองยังมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลในเรื่องนี้​ จึงมีความมั่นใจเป็นอย่างมากกว่าหน้ากากอนามัยในประเทศไทยที่มีไว้ให้สำหรับคนไทยใช้นั้นจะไม่มีทางขาดแคลน เพราะเชื่อมั่นในคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเรามีหน้ากากอนามัย ถึง 200 ล้านชิ้น​ เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานภายในประเทศ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานอย่างแน่นอน

นายพันธ์ยศ กล่าวต่ออีกว่า​ หน้ากากอนามัยถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ ในเวลานี้ที่จะทำให้ประชาชนคนไทยปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัส​โควิด-19​ ตนทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ เราทุกคนและทุกภาคส่วน ที่จะต้องช่วยกัน ดูแลและรักษาระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วย​ แต่เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องมีการวางแผนการทำงานที่ดีและรัดกุม​ รวมทั้งระมัดระวังไม่ให้เกิดการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ช่องทางของกฎหมายที่ออกมาใหม่​ หรือทราบล่วงหน้าว่าจะมีกฎหมายฉบับนี้ออกมา​ เพื่อหาผลประโยชน์ ให้กับตัวเองและพวกพ้อง

เรื่องราวและเหตุการณ์ที่ตนได้เจอกับตัวเองทำให้ตนตกเป็นจำเลยสังคม ถูกรังเกียจ ทั้งที่ตนไม่ได้กระทำ​ และกำลังจะตกเป็น เครื่องมือหรือเป็นแพะ​ ให้รับความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ ทั้งในทางสังคมและทางกฎหมาย ว่าเป็นหัวหน้าขบวนการแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนและการกักตุนสินค้า หน้ากากอนามัย​ ทั้งที่ในความเป็นจริงตนเป็นเพียงแค่ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือโบรกเกอร์​ รวมไปถึงเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพของ เพื่อส่งออกไปบริจาค ณ​ สาธารณรัฐประชาชนจีน​ ก่อนหน้านี้เท่านั้น

ตนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้และค้นหาความจริงในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นข้อที่ตนสงสัยมาตั้งแต่วันที่มีการประกาศใช้กฎหมาย สินค้าควบคุมเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563​ อยู่​แล้ว​ ทำให้ตนตัดสินใจที่จะติดต่อกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เพื่อสอบถามข้อมูลดังกล่าว

นายพันธ์ยศ​ กล่าวว่า​ ตนเห็นว่านายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์กำลังทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบ เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยมาตั้งแต่ต้น แม้ว่าในที่ผ่านมาอาจจะมีบางเรื่องราวที่มีความซับซ้อน ทำให้การผูกเรื่องอาจจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างเเละบางส่วนพาดพิงมายังตนในเชิงลบ เเต่ได้เมื่อคุยกันเเล้วก็เข้าใจกัน​ ในช่วงหลังตนคิดว่านายอัจฉริยะ​กำลังเดินมาถูกทางแล้ว และกำลังจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้​ จึงได้ขอเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลที่ตนทราบเพิ่มเติม​ เเละบางส่วนมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐไปเเล้วเพื่อเเกะรอยเเก๊งหน้ากากผีที่ตนมีข้อมูล

"สิ่งที่ผมได้มอบให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปเเกะรอยเรื่องนี้ต่อ​ เพราะคิดว่าข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เรื่องราวต่างๆ มีความชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอนเเละตนยังทำหน้าที่เเกะรอยเเก๊งหน้ากากผี​ ซึ่งเป็นแก๊งมิจฉาชีพที่ไปหลอกลวงและสร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในยามที่เกิดวิกฤตของโรคระบาดโควิด-19 ต่อไป​ เพื่อกระชากตัวการใหญ่ออกมาให้ได้เเละลบข้อกังขาของตน​ ตามที่ สื่อต่างๆ ได้นำเสนอและทำให้หลายคนเข้าใจเเบบนั้น​" นายพันธ์ยศกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook