Sanook คลุกข่าวเช้า 25 เม.ย. 63 เผยคนไทย 28 รายฆ่าตัวตายจากวิกฤตโควิด-19 - อนุทิน รับไม่ตัดงบบัตรทอง
อัปเดตข่าวสารยามเช้า ประจำวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 ติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ล่าสุดเผยคนไทย 28 รายฆ่าตัวตายจากวิกฤตโควิด-19,สวิตเซอร์แลนด์ ฉายภาพธงชาติไทยบนยอดเขาชื่อดัง ส่งกำลังใจให้คนไทยสู้โควิด-19 ,"อนุทิน" รับปากไม่หักงบบัตรทอง หาทางอื่นนำเงินเข้า งบกลางฯ สู้โควิดแทน
สามารถติดตามอ่านและใช้บริการกดฟังเสียงอ่านข่าว หรือเนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ Sanook โดยสังเกตสัญลักษณ์รูปลำโพง แล้วให้ระบบ AI อ่านเนื้อหาให้ฟังได้อีกด้วย อย่าลืมติดตามฟังจนจบนะคะ
- งานวิจัยเผยคนไทย 28 รายฆ่าตัวตายจากวิกฤตโควิด-19 หลังเจอกระทบจากมาตรการปิดเมือง
คณะนักวิจัยไทยแถลงผลการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตและคนที่ฆ่าตัวตายจากไวรัสโควิด-19 พร้อมข้อเสนอแนะจากโครงการวิจัยคนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการควบคุมการระบาดทั้งปิดพื้นที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ รวมไปถึงการประกาศเคอร์ฟิว
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจเมื่อผู้ติดเชื้อมีจำนวนน้อยลง แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีจำนวนข่าวการฆ่าตัวตายของประชาชนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสาเหตุของการฆ่าตัวตายเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบที่เกี่ยวกับมาตรการที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้
โครงการวิจัยดังกล่าวเก็บข้อมูลการฆ่าตัวตายของประชาชนที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-21 เม.ย. 2563 มีการฆ่าตัวตายรวมทั้งสิ้น 38 รายในจำนวนนี้มีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 28 รายโดยหลายกรณีมีสาเหตุจากความล่าช้าของโครงการเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งในรายงานชี้ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มีจำนวนเท่ากับผู้ที่ฆ่าตัวตายจากผลกระทบ
ด้วยเหตุนี้คณะวิจัยจึงเสนอให้ทางรัฐบาลตระหนักถึงการฆ่าตัวตายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้มากกว่านี้ โดยอาจจัดเตรียมสายด่วนให้ประชาชนที่กำลังเดือดร้อนสามารถแจ้งปัญหา และมีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ อีกทั้งรัฐบาลต้องเปลี่ยนการมอบเงินเยียวยาให้ครอบคลุมและรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ รวมไปถึงต้องเปิดพื้นที่แบบมีการจัดการในพื้นที่มีความเสี่ยงน้อย เพื่อให้ประชาชนพอมีพื้นที่ทำมาหากิน สุดท้ายรัฐบาลต้องยกเลิกการใช้กฎหมายหรือมาตรการที่สร้างความลำบากให้กับประชาชนโดยไม่จำเป็น เช่นมาตรการแจกจ่ายอาหาร การใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็น
- สวิตเซอร์แลนด์ ฉายภาพธงชาติไทยบนยอดเขาชื่อดัง ส่งกำลังใจให้คนไทยสู้โควิด-19
เมื่อวานนี้เพจเฟซบุ๊กของการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ โพสต์ด้วยรูปภาพยอดเขามัตเตอร์ฮอร์น ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงของประเทศ และมีการฉายภาพธงชาติไทยขึ้นไปบนยอดเขาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเขียนคำบรรยายให้กำลังใจและแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาวไทย ที่กำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อีกด้วย
"ชาวไทยที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาเสมอนั้น กำลังต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ทำให้ปีนี้จัดเทศกาลสงกรานต์แบบปกติไม่ได้ เราจึงขอส่งสัญญาณแห่งความหวังและพลังใจ และแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาวไทยมา ณ ที่นี้"
นอกจากธงชาติไทยแล้ว วันเดียวกันนี้ยังมีการฉายธงชาติสิงคโปร์ด้วย ส่วนวันอื่นๆ ก็มีอีกหลายประเทศ อาทิ จีน สหรัฐ บราซิล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และญี่ปุ่น
- "อนุทิน" รับปากไม่หักงบบัตรทอง หาทางอื่นนำเงินเข้า งบกลางฯ สู้โควิดแทน
กลุ่มคนรักประกันสุขภาพ นำโดยนายนิมิตร์ เทียมอุดม และนายสมชาย กระจ่างแสง เข้าพบและยื่นหนังสือถึงต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บอร์ด สปสช. ด้วย เพื่อคัดค้านกรณีรัฐบาลจะตัดงบประมาณ สปสช. หรือ บัตรทอง 2,400 ล้านบาท เพื่อเกลี่ยให้มาอยู่ในงบกลาง สำหรับรับมือกับโควิด-19 และส่งหนังสือให้ถึงนายกรัฐมนตรีด้วย โดยให้เหตุผล 2 ข้อคือ
1.งบบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาทคือเงินในส่วนค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 49 ล้านคน เป็นรายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อการจัดสวัสดิการแห่งรัฐหรือค่าใช้จ่ายรายหัวตามสิทธิพื้นฐานจากการบริการของรัฐที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน อันเป็นหลักการสำคัญที่จะไม่นำงบประมาณส่วนนี้ไปจัดทำร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณ รวมถึงงบของกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาทที่เป็นงบลงทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและการรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการสัมมนาหรือฝึกอบรม หากดึงออกไปจะกระทบกับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศและคุณภาพในการรักษาผู้ป่วยโดยรวม
2.ภายใต้วิกฤตโควิด -19 ที่ประชาชนเข้าโรงพยายาลน้อยลง เพราะได้รับคำแนะนำให้ชะลอการเข้ารับการรักษาพยาบาล อีกทั้งมีมาตรการเพื่อลดความแออัดรองรับกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่า ภาระโรคหรือภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนจะลดน้อยลงไป ทางเครือข่ายฯ ยังเรียกร้องให้การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆตาม พ.ร.บ.โอนเงิน และ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับเป็นไปอย่างเปิดเผยโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
นายนิมิตร์ กล่าวหลังการเข้าพบนายอนุทิน ว่า พอใจการพูดคุยวันนี้ ที่ผู้รับผิดชอบตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่า ยังไงเสียก็ไม่อยากให้มีการโอนเงินจากบัตรทองไป ส่วนจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่าย นายอนุทินกับทางปลัดกระทรวง จะต้องไปเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ