Sanook คลุกข่าวเช้า 27 เม.ย. 63 ดราม่าสนั่น! แกงเขียวหวาน 250 ลามเหยียดคนจน
อัปเดตข่าวสารยามเช้า ประจำวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 ติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ล่าสุด โดยทุกท่านสามารถติดตามอ่านและใช้บริการกดฟังเสียงอ่านข่าว หรือเนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ Sanook โดยสังเกตสัญลักษณ์รูปลำโพง แล้วให้ระบบ AI อ่านเนื้อหาให้ฟังได้อีกด้วยนะครับ
เมื่อวานนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โฆษก ศบค.) แถลงว่าไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 15 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,922 ราย รักษาหายเพิ่ม 47 รวมรักษาหายแล้ว 2,594 ราย รักษาตัวอยู่ 277 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม รวมเสียชีวิต 51 ราย
ซึ่งวันนี้ต้องติดตามการประชุม ศบค. ว่าจะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการอย่างไรบ้างหลังจากภาคเอกชนยื่นข้อเสนอไปแล้ว ขณะที่มีรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงจะเสนอให้มีการต่ออายุการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปอีก 30 วัน และอาจจะรวมถึงการต่ออายุมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ออกไปด้วยเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกนั้น ตัวเลขจนถึงช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 2,994,436 ราย เสียชีวิตแล้ว 206,973 ราย รักษาหาย 878,707 ราย ขณะที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 987,000 ราย เสียชีวิตไปกว่า 54,800 ราย
กลายเป็นแฮชแท็กสุดร้อนแรงของเมื่อวานนี้ สำหรับดราม่าของ #นัทนิสา ยูทูบเบอร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่เพิ่งเปิดอินสตาแกรมขายอาหารฝีมือคุณแม่ และเมนูล่าสุดคือ แกงเขียวหวานปลากราย ที่ตั้งราคาไว้ถุงละ 250 บาท แต่ปรากฏว่าชาวโซเชียลจำนวนไม่น้อยแสดงความคิดเห็นว่าราคานี้แพงไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์ที่ดูธรรมดา เนื่องจากมีหลายร้านดังๆ จากเชฟที่มีชื่อเสียง ขายอาหารลักษณะเดียวกันแต่บรรจุมาในกล่องพลาสติกอย่างดี และราคาก็ไม่ถึง 250 บาทด้วยซ้ำ
เวลาต่อมาทาง นัทนิสา ก็ชี้แจงถึงสาเหตุที่ราคาแพงเพราะวัตถุดิบใช้ของดี เครื่องเทศเยอะ คุณแม่ตื่นตี 4 มาตีปลากรายด้วยตัวเอง และให้ปลากรายชิ้นใหญ่ ส่วนที่ใส่ถุงเพราะอยากลดโลกร้อน เพราะทุกบ้านต้องมีภาชนะอยู่แล้ว สั่งไปก็เทใส่ถ้วยได้เลย แต่หากลูกค้าต้องการถ้วยทางร้านก็จะมีให้
แต่ดราม่าที่ดูเหมือนจะจบลงหลังจากการชี้แจงของนัทนิสา กลับปะทุขึ้นมาแรงกว่าเดิม เมื่อเพื่อนในแก๊งหิ้วหวีเข้าไปคอมเมนต์ในไลฟ์ ข้อความค่อนข้างรุนแรง เช่น “เค้าไม่ได้ขายคนจน เค้าขายคนมีตังแดก” หรือ“จนก็กินแบบจน อย่าพูดมาก” ส่วนตัวนัทนิสาเองก็พิมพ์ข้อความด้วยว่า เข้าใจความรู้สึก เพราะตัวเองอยากซื้อรถพอร์ช แต่ไม่มีเงินซื้อ
หลังจากนั้นจากดราม่าแกงราคาแพง ลุกลามกลายเป็นดราม่าเหยียดคนจน ซึ่งก็ทำให้แฮชแท็ก #นัทนิสา และ #แกงเขียวหวาน250 ถูกพูดถึงในโลกทวิตเตอร์จนติดเทรนด์ยอดนิยมในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ตูน-กรินทร์ อ่องชุ่ม หรือ Alie Blackcobra ยูทูบเบอร์ชื่อดัง อีกหนึ่งในสมาชิกแก๊งหิ้วหวี ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Karint Aongchum กรณีที่เข้ามาคอมเมนต์ปกป้องเพื่อนสนิทในไลฟ์ว่า "จนก็กินแบบจน อย่าพูดมาก" และ "เขาไม่ได้ขายคนจนเขาขายคนมีเงิน" ซึ่งหลายคนมองว่าเหยียดคนจนและแสดงความไม่พอใจนั้น
โดยยอมรับว่าตนเองเป็นคนพูดแรงและพูดไม่คิด ซึ่งทำให้เกิดดราม่ามาแล้วหลายครั้ง แต่ตนเองไม่มีเจตนาที่จะด่าคนอื่นแต่อย่างใด
องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก แสดงความเห็นคัดค้านอย่างหนักในโลกออนไลน์ หลังจากมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมอนุมัติลงนามในข้อตกลงความเข้าใจและความคืบหน้าเพื่อหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (CPTPP/ซีพีทีพีพี) จนทำให้แฮชแท็ก #CPTPP ถูกพูดถึงมากที่สุดในหมู่ผู้ใช้เว็บไซต์ทวิตเตอร์ในไทยเมื่อช่วงก่อนรุ่งเช้าของวันนี้
ซึ่งสาเหตุที่หลายฝ่ายกังวลเป็นเพราะมีข่าวสะพัดว่า ถ้าหากรัฐบาลลงนามในข้อตกลง CPTPP แล้ว จะบังคับให้ฝ่ายนิติบัญญัติต้องแก้ไขกฎหมายด้านการเกษตร ไม่ให้เกษตรกรทั่วประเทศเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกเอง แต่จะต้องซื้อจากบริษัทด้านอุตสาหกรรมเกษตรเท่านั้น
ทำให้เกรงกันว่าอาจยิ่งเพิ่มต้นทุนการทำเกษตรให้เกษตรกร ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจและราคาพืชผลที่ตกต่ำ ในทางกลับกันจะยิ่งทำให้กลุ่มทุนได้รับผลกำไรเพิ่มขึ้น ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำทางฐานะให้กับสังคมไทยหรือไม่
นอกจากนี้ iLaw (ไอลอว์) ซึ่งเป็นองค์กรประชาสังคมด้านกฎหมาย ยังระบุอีกว่า นอกจากด้านการเกษตรแล้ว ถ้าหากรัฐบาลลงนามในข้อตกลง CPTPP แล้ว อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายด้าน อาทิ ยา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การคุ้มครองนักลงทุน ฯลฯ
สอดคล้องกับที่ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวขณะถ่ายทอดสด (ไลฟ์) ในเฟซบุ๊กเมื่อช่วงที่ผ่านมาของเดือนนี้ว่า ตนกังวลว่าถ้าหากรัฐบาลไทยลงนามในข้อตกลงนี้แล้ว คนไทยอาจเข้าถึงยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี และยามะเร็งยากขึ้น เพราะการเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว จะทำให้ใช้ยาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของสิทธิบัตร (CL ยา) ได้ยากขึ้น
คงต้องติดตามประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องว่ารัฐบาลจะยอมถอยตามข้อเรียกร้องของหลายฝ่ายหรือไม่ สำหรับวันนี้ขอตัลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ