อดีตผอ.กลต.เบิกความคดี"แม้ว" ยันบ้านชินวัตรรายงานผลโอนหุ้น "โอ๊ค" ถือหุ้นเกินผิดระเบียบถูกปรับ5.9ล.
อดีตผอ.กลต.เบิกความคดียึดทรัพย์"แม้ว"7.6หมื่นล้าน ยันครอบครัวชินวัตรรายงานผลขายโอนหุ้นให้ทราบ เผย"พานทองแท้"ถือหุ้นเกินร้อยละ25 ผิดระเบียบกลต.3กระทงถูกปรับ5.9ล้าน ศาลนัดไต่สวนอีก6ส.ค. "ยิ่งลักษณ์"เตรียมเข้าเบิกความ
วันที่ 30 กรกฎาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ไต่สวนพยานคดีที่อัยการสูงสุด ร้องขอให้ทรัพย์สินจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งบุคคลในครอบครัวและผู้ร้องค้าน ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ โดยขณะดำรงตำแหน่งใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
โดยในวันนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาและผู้ร้องค้านนำ นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมบรรษัทภิบาล สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เข้าเบิกความสรุปว่า กลุ่มบริษัทชินวัตรเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีใดนั้นไม่ทราบ แต่จากการตรวจสอบรายงานการซื้อขายโอนหุ้นของตระกูลชินวัตรและครอบครัวพี่น้อง พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โอนหุ้นให้บริษัทแอมเพิชริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด โอนหุ้นให้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว กรณีที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (นามสกุลขณะนั้น) ขายหุ้นให้กับนายพานทองแท้ และขายให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม กรณีที่นายพานทองแท้ ขายหุ้นให้กับ น.ส.พินทองทา ชินวัตร น้องสาว มีการรายงานการการซื้อขายโอนดังกล่าวให้กับ กลต.ทราบ ซึ่ง กลต.ได้นำข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่เป็นข้อมูลสาธารณะเพื่อให้นักลงทุนผู้ถือหุ้นหรือผู้ที่สนใจเข้าไปตรวจสอบได้ แม้มีบางกรณีที่นายพานทองแท้ และนายบรรณพจน์ ทำรายงานการซื้อหุ้นโดยระบุเพียงว่าได้ซื้อมาจากผู้ถือหุ้นโดยตรง ไม่ระบุว่าซื้อหุ้นแม้จากบุคคลใด ก็ไม่ได้เป็นการทำผิดระเบียบ กลต.แต่อย่างใด
นางณัฐญา เบิกความว่า เมื่อเดือนมกราคม 2549 ที่บริษัทชินวัตรคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขายหุ้นให้กับกลุ่มทุนเทมาเส็กประเทศสิงคโปร์ นั้นมีสื่อมวลชนแจ้งเบาะแสมาว่าการทำรายงานการถือครองหุ้นของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา น่าจะไม่ถูกต้องครบถ้วน และการซื้อขายดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชน จึงได้ทำหนังสือให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ทำหนังสือชี้แจ้งกลับมา และประสานไปยังบริษัทศูนย์รับฝากทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ตรวจสอบว่าที่จริงแล้วทั้งสองคนถือหุ้นอยู่จำนวนเท่าใดและมีมูลค่าเท่าใด โดยพบว่านายพานทองแท้ถือหุ้นเกินร้อยละ 25 แต่กลับไม่ยื่นเรื่องทำคำเสนอซื้อ ซึ่งเป็นการทำผิดระเบียบ กลต. รวมทั้งหมด 3 กระทง นายพานทองแท้ จึงถูกสั่งปรับเงินประมาณ 5.9 ล้านบาท รวมทั้งตรวจสอบบริษัทแอมเพิชริช ซึ่งถือหุ้นชินคอร์ปจำนวน 3.29 ล้านหุ้น จดทะเบียนที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจดทะเบียนที่ประเทศใดกันแน่
นางณัฐญา เบิกความต่อว่า การที่ราคาหุ้นชินคอร์ปมีการเปลี่ยนแปลงจะเกี่ยวข้อกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้นตอบไม่ได้ รวมทั้งการที่ครอบครัวชินวัตรขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็กจะสร้างความเสียหายให้กับตลาดหลักทรัพย์หรือไม่เป็นจำนวนเท่าใด แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพราะหากมีความประสงค์ที่จะขายก็จะได้ราคาเดียวกันกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ต่อมา นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความรับช่วง และนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ผู้คัดค้านที่ 2-3 ขึ้นเบิกความรับรองเอกสารคำให้การของเจ้าหน้าที่ กลต. และเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ที่เคยให้การไว้ในชั้นพิสูจน์ทรัพย์ของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ยืนยันว่า ราคาหุ้นบริษัทชินคอร์ปมีความสัมพันธ์กับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างไร ราคาหุ้นชินคอร์ปก็จะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามนั้น สำหรับบริษัทแอมเพิชริช นั้น จะทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายประเทศบริติช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ ซึ่งมีโครงสร้างแตกต่างกับการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยที่ต้องจดกับหน่วยงานราชการและต้องเปิดเผยข้อมูล แต่ที่บริติช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ บริษัท ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูล บุคคล แยกขาดกันกับนิติบุคคล สามารถประกอบกิจการได้ทุกอย่างที่กฎหมายไม่ห้าม รวมทั้งไม่จำกัดจำนวนผู้ถือหุ้นและทุนจดทะเบียนว่าจะต้องมีจำนวนเท่าใด ดังนั้นเมื่อเริ่มตั้งบริษัทแอมเพิชริช จึงมีผู้ถือหุ้นเพียงคนเดียวด้วยทุนจดทะเบียน 1 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ
ภายหลังศาลไต่สวนพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านปากอื่นเสร็จสิ้นแล้วในวันนี้ ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 6 สิงหาคม นี้ 09.30 น. โดยเตรียม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเบิกความ
ภาพ : สยามรัฐ