ทูตสวีเดนเผย “ภูมิคุ้มกันหมู่” จะเกิดขึ้นที่สต็อกโฮล์ม พฤษภาคมนี้

ทูตสวีเดนเผย “ภูมิคุ้มกันหมู่” จะเกิดขึ้นที่สต็อกโฮล์ม พฤษภาคมนี้

ทูตสวีเดนเผย “ภูมิคุ้มกันหมู่” จะเกิดขึ้นที่สต็อกโฮล์ม พฤษภาคมนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Karin Ulrika Olofsdotter เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำสหรัฐอเมริกา เชื่อว่ากลยุทธ์ที่ประเทศสวีเดนใช้เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการใช้มาตรการที่จำกัดเฉพาะกลุ่มและการไม่ล็อกดาวน์ประเทศ ส่งผลให้สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในกรุงสต็อกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้

“ประชาชนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ในกรุงสต็อกโฮล์มจะมีภูมิคุ้มกัน การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นในเมืองหลวงประมาณช่วงต้นเดือนหน้า” Olofsdotter กล่าว

ภูมิคุ้มกันหมู่คือ การที่ประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดต่อซึ่งอาจเกิดจากการหายจากโรคดังกล่าว หรือการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่รับรองว่า ผู้ที่หายจากโรคโควิด-19 จะไม่สามารถกลับมาติดโรคได้อีก ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ออกมาต่อต้านทฤษฎีที่ว่า คนเราจะสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้เพียงครั้งเดียว แล้วจากนั้นจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาป้องกันตัวเอง โดย Olofsdotter เห็นด้วยว่ายังต้องมีการทดสอบและวิจัยเพื่อตอบคำถามเรื่องภูมิคุ้มกัน และรัฐบาลสวีเดนก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแผนการหากมีความจำเป็น

โรงเรียน ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าในสวีเดนยังคงเปิดทำการตามปกติ ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศข้อแนะนำ ทั้งการรักษาระยะห่างทางสังคม ระงับการเดินทางที่ไม่จำเป็น และแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีอยู่ในบ้าน ทั้งนี้ ยังสั่งห้ามการรวมตัวกันที่มากกว่า 50 คน รวมทั้งห้ามเดินทางไปบ้านพักคนชราอีกด้วย ซึ่งชาวสวีเดนส่วนใหญ่รับฟังและทำตามคำแนะนำของรัฐบาล แต่ก็ยังมีชาวสวีเดนบางส่วนที่ฝ่าฝืนคำแนะนำดังกล่าวเมื่อสภาพอากาศอุ่นลง ทำให้รัฐบาลต้องออกมาเตือนประชาชน และอาจสั่งปิดร้านอาหารหรือบาร์ที่ไม่ทำตามกฎการรักษาระยะห่างทางสังคม

จากข้อมูลล่าสุดของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ประเทศสวีเดนมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 18,500 ราย และเสียชีวิตแล้วกว่า 2,200 ราย กว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตในสวีเดน คือ ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา ขณะที่รัฐบาลก็กำลังทำการสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตในบ้านพักคนชราพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อของสวีเดนดูไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก เช่น เดนมาร์ก ที่ลดระดับมาตรการบางอย่างลงแล้วในเดือนนี้ มีผู้ติดเชื้อเพียง 8,800 ราย และเสียชีวิต 442 ราย หรือฟินแลนด์ที่ยืดเวลามาตรการสั่งห้ามรวมตัวกันไปตลอดช่วงฤดูร้อน ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4,500 ราย และเสียชีวิต 190 ราย

“เรามีเป้าหมายเหมือนกับทุกประเทศ และนั่นคือการรักษาชีวิตของประชาชนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด รวมถึงปกป้องระบบสาธารณสุขของเรา เราจึงเผชิญหน้ากับความจริงเหมือนกับทุกคน แต่สิ่งที่แตกต่างกันและฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ นั่นคือนักการเมืองย่อมใช้มาตรการที่พวกเขาคิดว่าใช้ได้ผลกับประเทศและประชาชนของตัวเอง” Olofsdotter กล่าว

แม้ว่าร้านอาหารและร้านขายของจะยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่ Olofsdotter ก็กล่าวชัดเจนว่าธุรกิจและลูกจ้างในสวีเดนต่างก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รัฐบาลสวีเดนคาดการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะลดลงกว่าร้อยละ 4 – 10 ในปี 2020

Stefan Lofven นายกรัฐมนตรีของสวีเดน กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตของประชาชนสวีเดนอาจพุ่งสูงขึ้น

“เราเลือกใช้กลยุทธ์ที่พยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และเป็นวิธีการที่ไม่ฉับพลันจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้น ระบบสาธารณสุขคงไม่สามารถรับมือได้ แต่นั่นก็หมายถึงเราจะมีคนที่ป่วยหนักเพิ่มมากขึ้น แล้วก็มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook