จบด้วยดี ม.เชียงใหม่ ประกาศลดค่าเทอม-ค่าหอ-ตั้งกองทุนช่วยนักศึกษาช่วงโควิด-19
ม.เชียงใหม่ ประกาศลดค่าเทอม 4,500 บาท พร้อมลดค่าหอพักและตั้งกองทุนให้เปล่าช่วยเหลือนักศึกษาที่ยากจน หลังกลุ่ม นศ.รวมตัวเรียกร้องอธิการบดีให้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
จากกรณีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมตัวแทนผู้ปกครอง รวมตัวเรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ลดค่าเทอมจาก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ล่าสุดวานนี้ (29 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (กบม.) มีความเห็นอยู่ทั้งหมด 3 เรื่องคือ
1. กรณีที่ค่าธรรมเนียมการศึกษาไม่เกิน 40,000 บาท ต่อภาคการศึกษา ในปีการศึกษา 2562 ภาคเรียนฤดูร้อนให้ลด 2,250 บาท โดยในปีการศึกษา 2563 ภาคการศึกษาที่ 1 และ 2 ให้ลดภาคการศึกษาละ 4,500 บาท ถ้วนหน้าทุกระดับและหลักสูตร ส่วนกรณีที่ค่าธรรมเนียมการศึกษามากกว่า 45,000 บาทต่อภาคการศึกษาในปีการศึกษา 2562 ภาคเรียนฤดูร้อน และปีการศึกษา 2563 ในภาคการศึกษาที่ 1 และ 2 ให้ลดร้อยละ 10 ของค่าธรรมเนียมการศึกษาในแต่ละภาค
2. ลดค่าธรรมเนียมหอพัก ในปีการศึกษา 2562 ภาคฤดูร้อนและปีการศึกษา 2563 ภาคการศึกษาที่ 1 และ 2 รวมถึงภาคฤดูร้อนโดยลดลงร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับหอพักนอกมหาวิทยาลัยทางมหาวิทยาลัยจะประสานขอพิจารณาลดค่าเช่าหอพักให้กับนักศึกษา โดยจะมีการส่งจดหมายไปยังเจ้าของหอ เพื่อขอให้สามารถลดค่าเช่าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
3. มหาวิทยาลัยจะได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์โดยจัดสรรทุนให้เปล่าและทุนทำงานจำนวน 150 ล้านบาท โดยจะช่วยเหลือนักศึกษาประมาณร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ ของนักศึกษาทั้งหมด ที่ผู้ปกครองมีรายได้ทั้งปีไม่ถึง 150,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้รับการช่วยเหลือ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า รายได้จากค่าธรรมเนียมการศึกษาที่หายไป จะใช้งบประมาณของมหาวิทยาลัยเข้าทดแทน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษาของทุกคณะและทุกหลักสูตร
ทั้งนี้ นักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัย มีจำนวนทั้งสิ้น 34,616 คน มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 73.56 เปอร์เซ็นต์ ภาคกลาง 16.39 เปอร์เซ็นต์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4.19 เปอร์เซ็นต์ ภาคใต้ 3.64 เปอร์เซ็นต์ ภาคตะวันออก 1.49 เปอร์เซ็นต์ และภาคตะวันตก 0.73 เปอร์เซ็นต์