สุเทพ ออกคำสั่งลับสอบ ตอ! ผบ.ตร.ยันไม่ลาพักร้อนหลังเยือนจีน

สุเทพ ออกคำสั่งลับสอบ ตอ! ผบ.ตร.ยันไม่ลาพักร้อนหลังเยือนจีน

สุเทพ ออกคำสั่งลับสอบ ตอ! ผบ.ตร.ยันไม่ลาพักร้อนหลังเยือนจีน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ตร.กลับจีน11ส.ค.ก่อนกำหนดยันไม่ลาพักร้อนต่อมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯถวายพระพร 11 ส.ค. ตร.แห่ให้กำลังใจถึงบ้าน ก.ตร.ชี้รื้อโผนายพลอาจถูกฟ้อง ฝ่ายการเมืองไม่พอใจหลายเก้าอี้ "สุเทพ"ออกคำสั่งลับสอบ"ตอ"คาดสรุป15ส.ค. ผบ.ทบ.ฮึ่มอย่าปั่นกระแสคดีสนธิ

ตร.แห่ให้กำลังใจผบ.ตร.ถึงบ้าน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม บรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงเป็นปกติ แต่ พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ได้เข้าที่ทำงาน พักผ่อนอยู่ที่บ้านพัก มีนายตำรวจจำนวนมากไปเข้าพบเพื่อให้กำลังใจ และยังได้รับการยืนยันว่า พล.ต.อ.พัชรวาทจะยังคงมาทำงานตามปกติในวันจันทร์

เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ ประธานชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ 41 ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านสื่อมวลชนขอให้ทบทวนการย้าย ผบ.ตร. โดยระบุตอนหนึ่งว่า "ตำแหน่ง ผบ.ตร.จะแลกกับคดีของนายสนธิหรือคดีใดคดีหนึ่งคงไม่ได้ อย่าลืมว่าตำรวจไม่ใช่มีแต่ ผบ.ตร.เพียงคนเดียว ยังมีตำรวจอีกกว่าสองแสนคน ย่อมมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจในการทำงาน ไม่ใช่ท่านจะใช้อำนาจเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สังคมไทยยิ่งแตกแยกกันมากยิ่งขึ้น"

ผบ.ตร.กลับจีน11ส.ค.ก่อนกำหนด

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.พัชรวาทมีกำหนดไปปฏิบัติภารกิจยังประเทศจีน เพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยกับจีน ในวันที่ 4 สิงหาคม ถึง 13 สิงหาคม นี้ โดย พล.ต.อ.พัชรวาทจะกลับในวันที่ 11 สิงหาคม เนื่องจากมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม และยืนยันว่าจะไม่ขอลาพักร้อนต่อ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาทไปราชการต่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หมวด 4 การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน มาตรา 72 ระบุว่า ในกรณีตำแหน่งข้าราชการตำรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานใดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้บังคับบัญชาดังต่อไปนี้ สั่งให้ข้าราชการตำรวจซึ่งเห็นสมควรรักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้นได้ โดยนายกรัฐมนตรี สำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสำหรับตำแหน่งตั้งแต่จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือตำแหน่งเทียบเท่าลงมา อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งให้ข้าราชการตำรวจผู้ใดรักษาราชการแทนและมีผู้ดำรงตำแหน่งรองของตำแหน่งนั้น ให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองเป็นผู้รักษาราชการแทน กรณีนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จะเป็นผู้รักษาราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท

ก.ตร.ชี้รื้อโผนายพลอาจถูกฟ้อง

ด้าน พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงกรณีจะมีการรื้อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และผู้บังคับการ จำนวน 152 ตำแหน่ง ที่ ก.ตร.มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่านายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ โดยจะต้องนำเรื่องนี้ไปเสนอให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานอยู่แล้วรับทราบ หลัง ก.ต.ช.อนุมัติ ก็ส่งเรื่องเข้า ก.ตร.อีกครั้ง แต่ปัญหาที่จะตามมาคือ ก.ตร.จะเห็นด้วยหรือไม่ และน่าจะเกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครองตามมาอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งรายชื่อถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทั่วประเทศที่เกิดขึ้นตามโครงสร้างใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมกว่า 105,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลพร้อมกันในวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งขณะนี้มีการแต่งตั้งไปเพียง 152 ตำแหน่งนั้น ยังมีวาระสำคัญคือการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการลงมาถึงชั้นประทวน

ฝ่ายการเมืองไม่พอใจหลายเก้าอี้

ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะสั่งระงับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตามโครงสร้างใหม่ ทั้งหมด เพื่อเปิดโอกาสให้ ผบ.ตร.คนใหม่เป็นผู้พิจารณานั้น แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการภายในว่ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 ลงมาแล้ว โดยขอให้ ตร.เร่งพิจารณาจัดวางอัตรากำลังพลตามโครงสร้างใหม่ หรืออย่างน้อยต้องแต่งตั้งผู้รักษาการตามกฎหมายใหม่ เนื่องจากเป็นการรื้อกองบัญชาการใหม่หมด ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบกับอำนาจตามกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ โดยเฉพาะศาล

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ฎ.ฉบับใหม่กำหนดให้กฎหมายมีผลในวันถัดไป หลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ต่างจาก พ.ร.ฎ.ฉบับเก่าที่กำหนดให้มีผลใน 180 วันนับจากประกาศลงราชกิจจานุเบกษา แต่เนื่องจากการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจยังไม่เสร็จ ทำให้ สลค.ไม่สามารถประกาศ พ.ร.ฎ. แบ่งส่วนราชการ ตร. ลงราชกิจจานุเบกษาได้

"เดิม ผบ.ตร.กำหนดแผนไว้ว่าจะจัดทำบัญชีนายตำรวจให้เสร็จในช่วงต้นเดือนสิงหาคม จากนั้นจะแจ้ง สลค.ให้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อให้มีผลในวันที่ 16 สิงหาคม แต่ฝ่ายการเมืองไม่เห็นด้วยกับรายชื่อในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง กอปรกับนายกฯไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจหลายครั้ง เนื่องจากในเดือนกันยายนจะมีข้าราชการตำรวจเกษียณอีกหลายนาย ซึ่งทำให้ต้องมาจัดโผอีกรอบในเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน จึงเสนอให้รวบการพิจารณาไปในคราวเดียวกัน" แหล่งข่าวกล่าว

เมินพท.ยื่นปธ.วุฒิฯจุ้นย้ายตร.

ก.ตร.ระบุว่าหากระงับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายที่อนุมัติแล้ว อาจถูกฟ้องร้องได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อันนี้เป็นเพียงแนวความคิดของนายสุเทพ ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับ ผบ.ตร. เกี่ยวกับปัญหาว่าจะไปสร้างความไม่มั่นใจอย่างไรหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถามนายสุเทพแล้วได้รับคำชี้แจงว่าไม่มีปัญหาในทางกฎหมาย และจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย

เมื่อถามว่า ล่าสุดพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ยื่นถอดถอนนายกฯต่อประธานวุฒิสภา กรณีแทรกแซงการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิระบุว่าหากนายกฯไม่ตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร. พรรคประชาธิปัตย์อาจจะลำบาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ทำให้เรื่องคดีมันเดิน เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ปชป.รับถ้าปลดกระทบรัฐบาล

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ส.ส.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีเหตุผลและกล้าตัดสินใจกรณีปลด ผบ.ตร. แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่มีฝ่ายใดที่มีข้อมูลชัดเจนว่า พล.ต.อ.พัชรวาทมีความบกพร่องอย่างไร แต่ถ้าหากปลดจริงก็อาจจะมีผลกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลก็มีการโยงสายสัมพันธ์ สำหรับเรื่องนี้บอกว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็คงไม่ใช่ แต่นายกรัฐมนตรีจะมองเรื่องงานมากกว่าเรื่องอื่น ที่สำคัญบ้านเมืองต้องมาก่อน

นายเฉลิมชัยกล่าวด้วยว่า กระแสความขัดแย้งเรื่องการปลด ผบ.ตร.คงจะยืดเยื้อถึงสัปดาห์หน้า ส่วนคนที่มองว่ารัฐบาลไม่กล้าแตะ ผบ.ตร.เพราะมีการแทรกแซงโผการโยกย้ายก็คงจะยาก เพราะสังคมจับตามอง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ

กก.สอบ"ตอ" คาด15ส.ค.สรุป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ลงนามในคำสั่ง "ลับที่สุด" เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องในลักษณะชี้นำว่า พล.ต.อ.พัชรวาทได้กระทำตนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่สืบสอบสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ซึ่งมีนายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธานนั้น ล่าสุด นายปรีชาเตรียมเรียกคณะกรรมการประชุมในวันที่ 3 สิงหาคมนี้

รายงานข่าวจากสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการจะทยอยเรียกตำรวจทั้ง 10 นายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีมาให้ถ้อยคำ และคาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม ส่วนถ้าพบว่าเรื่องมีมูลจริง ก็ขึ้นอยู่กับนายสุเทพว่าจะพิจารณาดำเนินการหรือสั่งการอย่างไรต่อไป

ผบ.ทบ.ฮึ่มอย่าปั่นกระแสคดีสนธิ

วันเดียวกัน เวลา 07.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ถึงกรณีที่นายสนธิออกมาระบุว่า มีทหารในสังกัด ฉก.90 จำนวน 13 นาย อยู่ในทีมลอบสังหารว่า โดยหลักการอยากให้ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามอำนาจหน้าที่ในการหาตัวผู้กระทำความผิด กองทัพพร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่างไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ การสืบสวนสอบสวนเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ไม่อยากให้เกิดการคาดการณ์ หรือสร้างกระแสว่าใครทำอย่างไร เพราะไม่น่าเกิดประโยชน์กับรูปคดี น่าจะดำเนินการตามกฎหมายดีกว่า สังคมก็จะไม่สับสน เพราะถ้าบอกว่าเป็นคนนั้นคนนี้รู้หมดแต่ไม่จับ น่าจะบอกเจ้าหน้าที่ให้จับได้เลย ถ้ามีหลักฐานก็บอก น่าจะเป็นทางออกที่ดี และเราจะได้ทำถูก ถ้าเจ้าตัวอยู่ในความรับผิดชอบก็จะได้จับเอาตัวไว้ให้

"ชัยสิทธิ์" ขู่ฟ้องหา"แม้ว" สั่งฆ่า

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า พล.ต.อ.พัชรวาทลาไปปฏิบัติภารกิจในในต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคคดีลอบยิงนายสนธิว่า ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ทุกอย่างเริ่มเปิดเผย ทั้งนี้เชื่อว่าทุกคนพูดความจริงไม่ได้ เพราะเกรงใจคนนั้นคนนี้ จากที่ดูแล้วเหมือนโดนครอบงำกันอยู่ ตนเห็นใจหลายฝ่าย

เมื่อถามว่า มองบทบาทนายสนธิอย่างไร เพราะขนาดรัฐบาลยังต้องเกรงใจ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่รู้ แต่ดูยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง เพราะกล้าพูด กล้าวิจารณ์รัฐบาลตรงๆ ซึ่งเขาคงแน่จริง มิเช่นนั้นคงไม่กล้า ถือว่าเขาใหญ่จริงๆ ยกนิ้วให้" เมื่อถามว่า นายสนธิพยายามโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังคดีนี้หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ขอให้พูดมาให้ชัดจะได้ฟ้องร้องกันได้ ทั้งนี้ จะไปกล่าวหาได้อย่างไร จะมีเหตุผลอะไรมาฆ่า และทีมงานที่สังหารนายสนธิบอกว่าเป็นทหาร แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณสั่งทหารได้ที่ไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook