พาณิชย์ราชบุรีตอบดราม่า ล่อซื้อหน้ากากขายเกินราคา หนังคนละม้วนกับโพสต์เจ้าของร้าน
(30 เม.ย. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พาณิชย์จังหวัดราชบุรี ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่ถูกสื่อมวลชนและสื่อโซลเชียลนำเสนอข่าวการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าทำเกินกว่าเหตุ จากกรณี ที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ถึงความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดราชบุรี และตำรวจ ว่า
เจ้าหน้าที่รัฐได้นำกำลัง 20 คน มาบุกค้นโดยไม่มีหมายศาล อ้างว่าได้ส่งสายมาล่อซื้อหน้ากากอนามัย ซึ่งทางร้านมิได้ขายมานานแล้วแต่วันนี้มีคนซึ่งเป็นสายลับ เข้ามาอ้อนวอนว่าเดือดร้อนจริงๆ คะยั้นคะยอว่ามีความจำเป็นเหลือเกินที่ต้องใช้หน้ากากอนามัยมาก ลักษณะล่อให้ทำความผิด ด้วยความสงสารจึงยอมให้ไปฟรีๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็บุกมาจับทันที
ทั้งยังให้ผู้ชายมาค้นตัวมารดา ใช้คำพูดข่มขู่ จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในทางที่ลบและกล่าวโจมตี เจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จนได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมีการแชร์ออกไปอย่างวงกว้างโดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบในข้อเท็จจริงต่างๆ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคมอย่างเป็นวงกว้าง
นายประสพชัย พูลเกิด พาณิชย์จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องราวจากสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโซลเชียล ตนได้เข้ารายงานข้อเท็จจริงกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และกำลังทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดไปยังกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนขอชี้แจงว่า การดำเนินการเข้าตรวจค้น จับกุม หรือ การเข้าไปล่อซื้อหน้ากากอนามัย ในร้านที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของทางเจ้าพนักงานที่สามารถเข้ากระทำได้ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่ประกาศห้ามขายหน้ากากอนามัยเกิน 2.50 บาท ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเป็นเวลา 1 ปี 7 มี.ค. 2563 หากขายเกินราคาสูงสุดที่กำหนดจะมีโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเราได้ข้อมูลจากการลงพื้นที่หาข่าวจนได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่าร้านหรือบุคคลนั้นๆ ได้กระทำความผิดอย่างชัดเจน
โดยทางพาณิชย์จังหวัดราชบุรี ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชน เมื่อวันที่ 9 เมษายน ผ่านทางสายด่วน 1569 ว่า ร้านดังกล่าวจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา โดยจำหน่ายในราคาชิ้นละ 20 บาท ภายหลังจากทีได้รับเรื่องร้องเรียนมาเจ้าหน้าที่ได้ไปดูและตรวจสอบในข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปสอบถามและซื้อหน้ากากอนามัยกับทางร้าน ประชาชนในพื้นที่ และจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่อำเภอวัดเพลง ได้ข้อมูลมาว่า ที่ผ่านมาทางศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอวัดเพลงได้รับเรื่องร้องเรียนมาว่า ร้านนี้ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาและตั้งขายอย่างเปิดเผย
โดยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.63 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ลงไปตรวจสอบอีกครั้งว่าร้านดังกล่าวหยุดขาย จริงหรือไม่ เพราะยังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอีก โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางพาณิชย์ จ.ราชบุรี ได้เข้าไปตักเตือนแล้ว รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากฝ่ายปกครองของทางอำเภอวัดเพลง และ เจ้าหน้าที่จากศูนย์โควิด-19 ราชบุรี แล้วถึง 2 ครั้งด้วยกันแต่ก็ยังคงพบว่ามีการกระทำความผิดเหมือนเดิม
จนล่าสุด วันที่ 27 เม.ย.63 ทาง เจ้าหน้าที่ พณ.จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นหญิง 2 ราย ได้ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ของฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางเข้าไปยังร้านดังกล่าว เป็นร้านขนาดใหญ่ตั้งติดริมถนน เข้าดำเนินการตามและพบว่ามีการแอบขายหน้ากากอนามัยจริง หลังจากที่เจ้าหน้าที่มั่นใจแล้วว่าร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายหน้ากากที่เกินราคา จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี พร้อมทั้งนำ ธนบัตรฉบับละ 500 บาท 1 ฉบับ ถ่ายเอกสารและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ทางเจ้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปล่อซื้อ โดยที่เกิดเหตุมีผู้หญิงซึ่งเป็นพนักงานของทางร้าน จำนวน 2 คน ยืนขายได้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายลับล่อซื้อ และติดต่อเพื่อจะขอซื้อหน้ากากที่มีการขายเกินราคาดังกล่าว จนทางร้านได้ให้กับทาง จนท.สายล่อซื้อ และทางร้านได้นำออกมาได้ จำนวน 1 แพ็ค ราคา 100 บาท ผสมกับสินค้าชนิดอื่น โดยมีเจ้าของร้านออกมาขายให้ เมื่อได้สินค้าจึงกลับออกมาจากร้าน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ของ พณ.จ.ราชบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จึงได้แสดงตัว และหาหลักเพิ่มเติมคือ ธนบัตร ฉบับละ 500 บาท ที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมทั้งแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่าไม่พบ ธนบัตร ฉบับละ 500 บาท ดังกล่าว เมื่อเห็นเรามีหลักฐานไม่ครบจึงได้ถอยกลับออกมา และได้ทำบันทึกการเข้าตรวจกับทางร้านไว้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินคดีตามกฎมายกับทางร้าน หรือ เจ้าของร้านแต่อย่างไร
นายประสพชัย กล่าวอีกว่า จากการสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานแล้ว ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในร้าน เพื่อดูว่าเป็นการซื้อขายกันจริง ทางทางร้านกลับบอกว่า กล้องเสีย ไม่สามารถเปิดได้ แต่ปรากฏกว่าภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านกลับถูกไปนำเสนอเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
โดยตนเองยืนยันว่า การเข้าปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ พณ.จ.ราชบุรี ทั้ง 2 ราย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เราทำงานอย่างที่ และตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งอย่างนอน แต่การจับกุมผู้กระทำความผิดที่จำหน่ายแมสเกินราคาตามที่กฎมายระบุไว้ ตนจึงอยากให้สังคมเข้าใจ ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ