เรย์ แม็คโดนัลด์ ผู้ชายแห่งการผจญภัย
ยุคหนึ่งเขาคือสัญลักษณ์ของวัยรุ่นในประเทศไทย นอกจากนี้ เขายังเป็นสัญลักษณ์ของคนเดินทางการผจญภัย ความขบถอีกเป็น 10 ปีให้หลัง เรย์ แม็คโดนัลด์ อาจจะดูไม่ค่อยเหมือนวัยรุ่นยุคนี้เท่าไหร่แล้ว แต่คงผิดมากถ้าใครจะบอกว่าพลังแบบเดิมๆ ของเขาหายไปหมด
ผิดอย่างแรงขอบอก...
ตอนนี้เขากำลังมีงานภาพยนตร์เรื่อง หนีตามกาลิเลโอ ซึ่งเขารับบทบาทเป็น "ตั้ม" หนุ่มไทยในปารีส ที่ผ่านการใช้ชีวิตมาโชกโชน ที่สอนให้ทั้งสองสาวตระหนักในความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น ซึ่งจะว่าไปบทนี้ก็ตรงกับตัวจริงของเขาอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่เหมือนเขาซะทีเดียว
"เขาเหมือนคนไทยคนหนึ่งที่เลือกที่จะอยู่ที่โน่น ตัวเขาอาจจะหนีอะไรมาเหมือนกัน หรือมาเจออะไรที่นี่มากกว่าก็เลยมาอยู่ที่นี่" เรย์สรุปในฐานะนักแสดงที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
แต่สำหรับเขา เรว่ามันไม่เหมือนตรงที่เขาเป็นแค่คนชอบเดินทาง ที่พักหลังๆ ชักอยากอยู่บ้านให้นานมากขึ้น
"พูดแบบเสียงสั่นจากลำคอเลย แต่เดี๋ยวตี 4 พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีกแล้ว" เรย์พูดพลางหัวเราะ
" มันก็มีหลายๆ คนที่เขาพักร้อนเพื่อหาเวลาไปเที่ยว สำหรับผมแล้วมันก็คงสลับกัน ถ้าพักร้อนต้องหาเวลาหยุดอยู่กับบ้านเฉยๆ อยู่กับคนที่เรารัก ปีนี้อาจจะไปน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร"
ถ้าถามว่าการแบกเป้ แล้วออกจากบ้านไปผจญภัยที่เมืองนอกอย่างที่ตัวละครในเรื่อง หนีตามกาลิเลโอทำ หรือว่าที่เขาทำมันได้อะไรบ้าง
"ได้รู้ว่าแบก (เป้) นานๆ แล้วเจ็บหลัง" เรย์กึ่งยิงกึ่งผ่าน (มุข)
"เดี๋ยวนี้ผมเลยใช้แบบเข็นดีกว่า ไม่เน้นลุคแบบนี้ยูนิฟอร์มของแบ็คแพค แล้วไม่เน้นเท่ไม่ต้องมียูนิฟอร์มแล้ว อะไรที่มีล้อแล้วลากๆ ได้เวิร์กมาก พออายุ 30 กว่าๆ มันเริ่มแบกไม่ไหว เข็นไปเถอะ น้องๆ อาจจะหัวเราะเราแต่ก็ดีกว่า" เขาหัวเราะร่า
คำตอบแบบจริงจังขึ้นหน่อย เรย์บอกว่า ที่จริงแล้วแต่ละทริปมันก็ให้อะไรกับเขาทุกครั้ง แม้จะต่างสถานที่กัน สุดท้ายก็มักให้บทเรียนเดิมๆ กับเขาเสมอ นั่นก็คือการไกลบ้าน การไปอยู่แปลกถิ่นกลับยิ่งทำให้รู้จักตัวเองและบ้านตัวเองมากยิ่งขึ้น
"ทุกทริปมันมีอยู่แล้วมันทำให้เรามองย้อนกลับมาเห็นเสน่ห์ใกล้ๆ ตัวที่บ้านเรา เราเห็นมากๆ อยู่มากๆ เสน่ห์มันอาจจะจางหาย พอไปอยู่ไกลๆ แล้วมองกลับมาบ้านเรา ก็เจอว่ามันมีทุกอย่างเลย มันมีครบหมด มันมีเสน่ห์ที่เขาอาจจะมองว่าเหมือนของมีตำหนิ แต่บางทีมีตำหนินี่ มันก็อาจจะเป็นของดีเหมือนกัน ที่เห็นเหมือนบ้านเรามันเละเทะ แต่ว่ามันเป็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ มันมีเสน่ห์ว่าทำไมกรุงเทพฯถึงติดอันดับเมืองที่น่ามาเที่ยวที่สุดในโลก ก็เพราะไอ้เล็กๆ พวกนี้"
เรย์ว่า อย่างไรก็ตาม ถึงจุดหนึ่งอารมณ์ที่อยากหนีปัญหาที่เมืองไทยไปอยู่ที่อื่นอย่างตัวละครในหนังนั้น เขาเองก็เคยเป็นมาก่อน
"นึกว่าคำตอบมันอยู่ที่อื่น เด็กๆ เราเคยเป็นอย่างนั้น เราจะไปโทษสถานที่แล้วก็คน นึกว่าไปอีกที่ปัญหามันจะหายสุดท้ายไม่แก้มันก็จะมาหลอกหลอนตัวเอง The only way out is in คือทางออกของปัญหาอยู่ในใจเราเอง....." เรย์ระเบิดเสียงหัวเราะเพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดได้ซึ้งเกินไปหน่อย "โคตรเซ็งเลย" เขาบ่นขำๆ
เรย์เล่าว่า เด็กๆ เองเขาเคยพยายามหนีแบบนี้มาก่อนหลายครั้งแล้ว และผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วแบบโชกโชน แต่สุดท้ายปัญหาก็ไม่จบถ้าไม่แก้ แม้การอยู่ไกลปัญหาที่เกิดขึ้นจะช่วยด้านจิตใจได้แป๊บหนึ่งก็เถอะ สุดท้ายปัญหาก็ยังอยู่ของมันแบบเดิม
"ที่จริงบางคนไปเพื่อโอกาสเพราะ เขารู้สึกว่าที่นี่ (ประเทศไทย) มันหมดแล้ว สุดท้ายทุกคนก็อยากไปที่ที่มีความหวังให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น บางคนก็มองว่า เมืองนอกน่าจะมีคำตอบให้ทุกอย่าง แต่ผมพบว่าเพื่อนผมที่ไปอยู่ที่โน่นจนเป็นโรบินฮู้ด อยู่นานๆ สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาเมืองไทยอยู่ดี บางครั้งคนไปมันก็ไม่ใช่เรื่องเงิน เป็นเรื่องประสบการณ์ แค่อยากลองใช้ชีวิตเมืองนอกดูแค่นั้น"
"ผมว่า การไปเมืองนอกบางทีมันก็ไม่ใช่แค่งานนะ มันได้ไปอยู่ได้ทำงานและใช้ชีวิต อาจจะเป็นช่วงที่เขามีแรงอยู่และอยากทำอะไรใหม่ๆ เขาอาจจะได้อะไร จากการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ทำความสะอาด เสิร์ฟ ฯลฯ บางทีเราเองก็ยังต้องการงานใหม่ๆ มันอาจจะไม่ใช่งานเท่ๆ ดูดีมีเกียรติ แต่เราก็อยากรู้ตัวเองว่าทำได้หรือเปล่า ทำไปสักพักอาจจะเห็นมุมอะไรใหม่ๆ ก็ได้ ไม่ใช่เกิดมาครั้งเดียวแล้วจะต้องทำอะไรตามกันไปแบบนั้น สุดท้ายปูที่นอนอาจจะมีความสุขกว่าก็ได้" เรยักไหล่
ส่วนอนาคตในการเดินทางในวงการบันเทิงของตัวเขาเอง เรย์มองว่าตอนนี้เขาอยู่มาเกินคุ้มแล้ว ถึงคราวจะต้องให้อะไรกลับบ้าง
"คนอาจจะมองว่า ดาราวัยรุ่นอยู่มาได้ 5-10 ปี ก็ดีแล้ว ผมก็ได้ยินอย่างนี้เยอะ มันก็แล้วแต่คนนะ มันคงมีอายุของมัน บางคนก็อยู่ได้นาน สุดท้ายก็อยู่ที่คุณภาพของตัวเอง อย่างผมก็ยังงงว่าอยู่มาได้ไง ก็คิดว่าน่าจะอยู่มาเกินคุ้มแล้วล่ะ แต่ผมไม่ใช่คนที่เข้ามาในวงการแล้วก็โกยๆ แล้วก็ชิ่ง (ที่จริงน่าจะทำบ้างนะ ไม่งั้นป่านนี้รวยไปแล้ว ติสต์อยู่ได้-เรย์เหน็บตัวเองหัวเราะร่วน) เราเข้ามาเราก็อยากจะพัฒนาตัวเองและทำอะไรให้วงการนี้บ้าง"
เขาก็ตั้งใจว่าจะทำบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ แล้วก็ผลิตรายการโทรทัศน์ดีๆ ออกมารวมไปถึงร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ หลายๆ คนเพื่อเปิดช่องทีวีดาวเทียมเพื่อให้มีที่สำหรับรายการโทรทัศน์ดีๆ ได้ออกอากาศ
"ผมอยากทำรายการที่ดูสนุก คนทำก็สนุก ได้เป็นอาชีพด้วย คนดูได้ความรู้แล้วให้แรงบันดาลใจในสิ่งที่ที่เขาอยากทำแล้วไม่ยอมก้าวกระโดดก้าวแรก บางทีเราทำรายการไปแล้ว อาจจะทำให้เขารู้สึกอยากจะทำมันก็ได้ อาจจะมีแบบนี้ไม่เยอะ แต่มันก็รู้สึกดีน่ะที่ได้ทำ" เรย์สรุป
และที่ตรงนั้นที่การเดินทางของเขาในอีกมุมกำลังจะเริ่มขึ้น