ตาเริ่มมั่นใจ "แฟนใหม่ปลายฝน" เม้มเงินเยียวยา-ค่าแรง รปภ. ต้นเหตุหลานผูกคอตาย

ตาเริ่มมั่นใจ "แฟนใหม่ปลายฝน" เม้มเงินเยียวยา-ค่าแรง รปภ. ต้นเหตุหลานผูกคอตาย

ตาเริ่มมั่นใจ "แฟนใหม่ปลายฝน" เม้มเงินเยียวยา-ค่าแรง รปภ. ต้นเหตุหลานผูกคอตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(2 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายพร อายุ 69 ปี ผู้เป็นตาของ น.ส.ปลายฝน อ่ำสาริกา อายุ 19 ปี รปภ.สาว ที่ตัดสินใจแขวนคอเสียชีวิตภายในห้องพักที่ กทม. หลังจากวาดภาพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเขียนข้อความตัดพ้อถึงความทุกข์ยาก จนถึงขั้นไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาผู้เป็นตาได้เล่าว่า ตนเองนั้นเชื่อมั่นว่าสาเหตุที่หลานสาวต้องจบชีวิตลงด้วยการผูกคอตายนั้น เป็นเพราะไม่ทราบว่าได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท จากรัฐบาลแล้ว เนื่องจากหลานเขยหน้าใหม่ ที่เพิ่งคบหากันได้เพียงประมาณ 4 เดือนนั้น ได้ยักยอกเงินไปโดยที่ไม่ได้บอกให้ทราบว่าได้รับเงินเยียวยาแล้ว เพราะเขาเป็นคนถือบัตรเอทีเอ็ม และได้นำเงินไปส่งเป็นค่างวดรถจักรยานยนต์

ตลอดจนเงินค่าแรงงานจากการทำงานเป็น รปภ. หลานเขยก็เป็นคนรับเอาซองเงินค่าจ้างแรงงานมาให้ เนื่องจากหลานสาวของตนยังไม่มีบัญชีธนาคารที่ตรงกับทางบริษัทใช้ในการจ่ายเงินค่าแรง เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์ปิดเมือง จากโรคโควิด 19 จึงยังเปิดบัญชีใหม่ไม่ได้ ทำให้เงินเหลือมาถึงมือหลานสาวเพียงอาทิตย์ละ 2,000 บาทเท่านั้น

จึงทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น้องปลายฝน ไม่ทราบว่าตนเองนั้นได้เงินค่าจ้างแรงงานจากการทำงานมาครั้งละเท่าไหร่ และถูกหักค่าชุดค่าเบิกล่วงหน้าไปเท่าไหร่ จึงคิดว่าตนเองนั้นมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ที่สูงมากกว่าที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะข้าวของและความเป็นอยู่แพงกว่ามาก หลังจากหลานสาวได้ไปทำงานเป็น รปภ. ได้ 2 เดือน เมื่อช่วงประมาณเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา

ได้มีการโอนเงินมาให้เป็นค่านมลูกรวม 4 ครั้ง ผ่านมาทางบัญชี ของหลานเขยหน้าใหม่ โดยครั้งแรกมีการโอนมาให้เป็นเงิน 3 พันบาท ครั้งต่อมาโอนมาวีคละ 2 พันบาทรวม 3 ครั้ง ตนจึงเชื่อว่าหลานเขยใหม่รายนี้ เป็นผู้ยักยอกเอาเงินไป จนทำให้หลานสาวเข้าใจผิด และตัดสินใจก่อเหตุแขวนคอตายดังกล่าว ซึ่งหากตนทราบความจริงมาก่อนล่วงหน้า ที่เขาจะมาร่วมงานสวดศพในคืนวันที่ 2 นั้นตนคงอดใจไม่ไหว และอาจจะก่อเหตุหรือกระทำอะไรบางอย่างลงไปแล้ว เพราะเขาทำให้หลานสาวของตนตายไปทั้งคน วั

ส่วนในทางคดีนั้นยังไม่ได้พูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ต้องรอปรึกษากันหลังจากเสร็จสิ้นงานศพไปก่อน แต่ได้ปรึกษากับทางนักกฎหมายมาบ้างแล้ว ทราบว่ายังไม่สามารถเอาผิดอะไรต่อเขาได้มากนัก เพราะไม่หลักฐาน ส่วนคดียักยอกทรัพย์นั้น มีโทษไม่สูงมากนักจึงยังต้องรอดูก่อน 

ด้าน นางสาคร อายุ 67 ปี ผู้เป็นยายของ น.ส.ปลายฝน เล่าถึงปัญหาครอบครัวของหลานสาวว่า แฟนคนเก่าซึ่งเป็นพ่อของเด็กวัย 8 เดือนนั้น ชอบบังคับให้หลานสาวของตนออกไปทำงานหาเงินมาให้ ส่วนตัวเองนั้นไม่ได้มีอาชีพอะไรทำ เพราะไปเข้าทำงานที่ไหน ก็ทำได้เพียง 2-3 วันก็ต้องออกจากงาน เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด อีกทั้งยังติดยาด้วย จึงต้องเลิกรากันไป เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่แล้ว หลังจากคบหากันมาประมาณกว่า 1 ปีเศษ

ก่อนที่จะมาคบหากันกับแฟนคนใหม่รายนี้ ได้เพียงประมาณ 4 เดือน จากนั้นจึงได้มาพาไปอยู่ด้วยกัน และทำงานเป็น รปภ.ในกรุงเทพฯ ซึ่งครั้งแรกแฟนเก่ายังได้ตามไปราวีอยู่บ้าง แต่ก็ถูกกลุ่ม รปภ.ด้วยกันช่วยไว้ ขณะเดียวกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลานสาวก็ยังได้โทรศัพท์มาผ่านทางวิดีโอคอล ในทุกๆ วัน ช่วงเวลาเย็นๆ ใกล้ค่ำ พูดคุยเล่นกับบุตรชาย ซึ่งในวันล่าสุดก่อนเกิดเหตุ น.ส.ปลายฝน ได้มีการปิดหน้า และก้มให้เห็นเพียงแค่ลูกตา ) ตนจึงยังได้ทักท้วงไปว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น แต่เขาไม่ได้ตอบกลับมา เพียงแต่มัวเล่นกับบุตรชาย ก่อนที่ผู้เป็นตาจะเอาโทรศัพท์ไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook